ถึงแม้ว่ามันจะยาก ถึงแม้ว่ามันจะลำบาก
แต่ถ้าเราคิดสู้ เราไม่คิดยอมแพ้
ความสำเร็จจะไม่มีวันทรยศความพยายาม
สักวันหนึ่งของชีวิตของเราจะต้องดีขึ้นแน่นอน
นาวสาวจุไรรัตน์ แซ่เอี้ย (น้ำฝน)
นักเรียนทุน SCG SHARING THE DREAM โดย มูลนิธิเอสซีจี
โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์สมุทรสาคร
ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
ชีวิตหนูก็เหมือนชีวิตของเด็กปกติทั่วไป แต่อาจจะไม่ได้สมบูรณ์แบบเพราะตอนนี้หนูอาศัยอยู่กับแม่แล้วก็น้องชาย เมื่อก่อนครอบครัวหนูอยู่กับครบ แต่พ่อกับแม่มัก
จะมีปัญหาที่ขัดแย้งกันตลอดจนสุดท้ายพ่อกับแม่ก็เลิกกัน แม่ไปอยู่ต่างจังหวัดส่วนหนูและน้องอยู่กับพ่อช่วงนั้นการเงินของทางบ้านไม่ค่อยจะดี ทำให้มีปัญหาต่างๆตามม รถมอเตอร์ไซค์โดนยึดเพราะไม่ได้ผ่อนมาเป็นเวลานาน บ้านโดนตัดน้ำเพราะไม่ได้จ่ายค่าน้ำมาเกือบ 4 เดือน น้องไม่ได้ไปโรงเรียนเพราะไม่มีเงินไปและยังมีปัญหาที่ตามมาอีกเยอะ ทำให้ช่วงนั้นหนูต้องหยุดเรียนบ้างเพื่อมาทำงาน หนูเริ่มทำงานตั้งแต่ป.6 เพราะทางบ้านบางมีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายอยู่เสมอ บางวันที่หนูไม่มีเงินไปโรงเรียนจริงๆก็จะหยุดแล้วไปทำงานเพื่อเอาเงินไปให้พ่อและน้องใช้ งานที่หนูเริ่มทำในช่วงแรกๆจะเป็นการไปช่วยป้าที่ร้านถ่ายรูปได้วันละ 100 บาท แต่สถานภาพทางการเงินของบ้านก็ไม่ดีขึ้นเลยกลับแย่ลงเรื่อยๆ เพราะพ่อก็มีหนี้สินเยอะน้องก็ยังไม่ได้ไปเรียน เมื่อเป็นแบบนี้แม่ก็เลยต้องลงมาจากต่างจังหวัดมาอยู่กับพวกหนู แต่ด้วยความที่พ่อกับแม่ไม่ถูกกันก็เลยต้องแยกกันอยู่พ่อไปอยู่ที่อื่นเป็นหอพักใกล้ๆ ส่วนแม่อยู่กับหนูค่ะช่วงที่แม่เข้ามาสถานภาพการเงินก็ยังไม่ค่อยดี แต่ด้วยความโชคดีของหนูยังมีคุณครูแล้วก็เพื่อนๆที่คอยซัพพอร์ต ทำให้หนูมีกำลังใจแล้วก็สู้ในทุกๆวัน จนถึงตอนนี้หนูก็ยังสู้อยู่เรื่อยๆ ไม่ว่ามันจะมากหรือมันจะน้อยแต่ก็พยายามจะทำทุกวันให้ดีที่สุด ในเรื่องของที่พักอาศัยตอนนี้จะพักเป็นหมู่บ้านค่ะเป็นตึกห้องแถวค่ะ รายได้หลักตอนนี้จะมาจากแม่แล้วก็หนูเพราะว่า หนูเรียนสูงขึ้น น้องเรียนสูงขึ้น ค่าใช้จ่ายในครอบครัวมันก็เพิ่มมากขึ้นด้วย ถ้าให้แม่หาอยู่คนเดียวมันก็ไม่พอ หนูก็เลยหางานทำมาเป็นเด็กพาร์ทไทม์อยู่ที่ปั๊มบางจาก ทำเก็บเงินเพื่อที่จะใช้สอยในครอบครัวด้วยแล้วก็เพื่ออนาคตของหนูด้วยค่ะ
ปัจจุบันหนูอายุ 17 ปี กำลังศึกษาอยู่ที่โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์สมุทรสาคร ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี กำลังศึกษาอยู่ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายปีที่ 6 ผลการเรียนที่ผ่าน
มาเกรดเฉลี่ยอยู่ที่ 3.90 เคยเข้าร่วมแข่งขันศิลปะหัตถกรรม เป็นการแข่งโครงงานคุณธรรมมา ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นค่ะ ได้รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ระดับประเทศ ถ้าเป็นกิจกรรมภายในโรงเรียนก็จะเป็นพวกงานวิชาการต่างๆ แบบแข่งวาดรูปแข่งแต่งกลอนแข่งตอบคำถามเช่นวันวิสาขบูชาก็จะมีแข่งตอบคำถามพระพุทธศาสนาพระพุทธศาสนาหนูก็เข้าร่วมได้รางวัลที่เป็นลำดับที่ 2 และยังมีกิจกรรมกีฬาสีของโรงเรียนเป็นพี่เลี้ยงคอยเลี้ยงน้องบนสแตนเชียร์ค่ะ ยังมีกิจกรรมเปิดบ้านวิชาการโดยหนูจะเป็นวิทยากรของซุ้มที่หนูอยู่จะเป็นซุ้มเกี่ยวกับสังคมค่ะ เป็นพี่เลี้ยง และวิทยากร คอยแนะแนวน้องๆที่มาดูซุ้มของเรา และหนูยังดำรงตำแหน่งเลขาธิการของ อินเทอร์แรคท์ โดยที่ผ่านมาล่าสุดพวกหนูได้ไปนำเสนอโครงงานคุณธรรมของโรงเรียนนะคะ โครงงานที่หนูเอาไปนำเสนอจะเป็นโครงงานเกี่ยวกับห้องเรียนของหนูเอง
เนื่องจากว่าหนูทำงานพาร์ทไทม์เป็นเด็กปั๊ม ในเรื่องของการแบ่งเวลาเรียนกับเวลาทำงาน ในช่วงเช้าหนูก็จะเรียน หลังเลิกเรียนหนูจะมาทำงาน โดยหนูทำเป็นชั่วโมงนะคะ 2 ชั่วโมง 3 ชั่วโมง 4 ชั่วโมงก็แล้วแต่กำลังของเรา แต่ส่วนใหญ่จะทำประมาณ 4 ชั่วโมงขึ้นไป โดยในขณะที่ทำงาน บางครั้ง ถ้าพรุ่งนี้มีสอบก็จะมีเลคเชอร์เล็กๆหนูจะพกมาด้วยก็จะมานั่งอ่านเวลาที่ไม่มีรถเข้า แต่ถ้ามีถ้ามีรถเข้าหรือว่าถึงเวลาทำงานเราก็จะทำ กลับมาบ้านก็หนูจะเลิกงานประมาณ 21:00 น กลับมาบ้านก็จะทำความสะอาดบ้านจัดของปูที่นอนกวาดบ้านถูพื้นมีทั่วไป แล้วก็ซักชุดนักเรียนค่ะแล้วก็อาบน้ำจากนั้นก็จะอ่านหนังสือต่อจนถึงประมาณ 23:00 น แล้วก็เตรียมตัวนอนไปโรงเรียนตอนเช้า
หนูมีความฝัน หนูฝันว่าหนูอยากจะพาครอบครัวหนูไปเที่ยวให้ได้มากที่สุด ไปเก็บเกี่ยวความทรงจำให้ได้มากที่สุด และในอนาคตหนูอยากที่จะเป็นราชทูตเพราะหนูอยากที่จะไปสัมผัสมุมมองของประเทศอื่นๆ เพราะว่าส่วนใหญ่แล้วจะเห็นแต่มุมหลักๆของประเทศนั้นๆ หนูอยากที่จะเห็นมุมที่ลึกกว่านั้นและอยากจะให้ชาวต่างชาติแล้วก็คนอื่นๆได้เห็นอีกหลายมุมของประเทศไทย และอยากที่จะเป็นคนที่คอยมอบรอยยิ้มเป็นคนที่คอยมอบมิตรภาพที่มอบความเป็นเพื่อนให้กับผู้คนทั่วโลกค่ะใครที่ไม่มีเพื่อน ก็อยากที่จะเป็นเพื่อนกับเขาค่ะ เราอยากที่จะเป็นคนเข้าถึงรอยยิ้มและสร้างรอยยิ้มพวกนั้นขึ้นมาเอง
สำหรับช่วงที่ลำบากที่สุดของชีวิต น่าจะเป็นช่วงที่พ่อกับแม่แยกทางกันและเป็นช่วงที่หนูต้องเริ่มทำงาน ช่วงนั้นเป็นช่วงที่หนูคิดว่าลำบากแล้วก็เศร้าที่สุดแล้วเนื่อง
จากตอนนั้นหนูเติบโตมากับครอบครัวที่สมบูรณ์ แต่บ่อยครั้งก็เห็นพ่อแม่ทะเลาะกันบ่อยๆแล้วสุดท้ายแยกทางกันตอนนั้นก็คือจิตเราตก แล้วก็คือหนูเศร้าไปหลายวันเลย ยิ่งช่วงนั้นเป็นช่วงที่สถานภาพทางการเงินของบ้านคือแย่มากเพราะพ่อก็มีหนี้สินเยอะแล้วเราต้องทำงานเราก็เลยรู้สึกว่าเราเหนื่อยเราต้องเอาเวลาที่เราจะทำกิจกรรมอย่างอื่นไปทำงานหมด จากที่เราได้อยู่วงดนตรีของโรงเรียนเราต้องออกเพื่อมาทำงานซึ่งเราอยากที่จะเป็นนักดนตรีมากในตอนนั้นแล้วพอมีโอกาสได้ เรากลับไม่มีสิทธิ์จะทำก็เลยมีความน้อยใจแล้วก็มีความเศร้าอยู่บ้างค่ะ แต่พอมองกลับไปเราคิดว่าเราทำถูกแล้ว แต่ก็สู้มาได้ค่ะแล้วก็คิดว่ามองกลับไปตอนนั้นว่าเราเก่งมากเลยนะที่เราสู้มาจนถึงขนาดนี้
ครอบครัวเป็นแรงผลักดันชีวิตหนู หนูอยากให้พ่อกับแม่ภูมิใจแล้วก็อยากที่จะสู้เพื่อพวกเขาด้วยเพราะว่ากว่าหนูจะโตมาจนถึงทุกวันนี้เขาต้องผ่านอะไรมาเยอะมากเลยก็เลยอยากที่จะตอบแทนเขาแล้วก็อยากจะทำให้ทุกวันเป็นวันที่ดีแล้วก็อยากให้น้องหนูภูมิใจในตัวหนูด้วยว่าหนูอ่ะก็เป็นพี่สาวคนเก่งที่สามารถดูแลครอบครัวได้ค่ะ
สำหรับฮีโร่ของหนูเลยคือแม่ แม่เป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วเขาทำงานหาเงินเลี้ยงพวกหนูตั้งแต่จำความได้ คือแม่ไม่เคยหยุดทำงานเลย แม้แม่จะเหนื่อยขนาดไหนแต่แม่ก็ไม่เคยหยุดพักตัวเองเลย หนูก็เลยเอาท่านเป็นฮีโร่ประจำใจ
หนูค่ะ
อยากจะบอกทุกคนว่าคนเราเลือกเกิดไม่ได้แต่ว่าเราเลือกที่จะเป็นได้เมื่อเราโดนคำพูดที่คอยทับถมคอยดูถูกเราแต่ถ้าเรามีคนที่คอยให้กำลังใจหรือ support ให้เราลุกขึ้นสู้อย่ายอมแพ้นะคะถึงแม้ว่ามันจะยากถึงแม้ว่ามันจะลำบากแต่ถ้าเราคิดสู้ เราไม่คิดยอมแพ้ ความสำเร็จจะไม่มีวันทรยศความพยายาม สักวันหนึ่งของชีวิตของเราจะต้องดีขึ้นแน่นอน แล้วก็ขอให้เชื่อมั่นว่าทุกคนต่างก็มีความเข้มแข็งของตัวเอง แล้วก็ความดีค่ะ แต่ว่าถ้าตอนนี้คุณอยู่คนเดียวขอให้คุณรับรู้ไว้นะคะว่าอย่างน้อยยังมีเราที่คอยอยู่เคียงข้างคุณคอยให้กำลังใจคุณอย่ายอมแพ้นะคะยังไงวันพรุ่งนี้มันต้องดีกว่านี้แน่นอนค่ะ