ปัจจุบันติวเตอร์อาศัยอยู่กับยาย น้า และพี่ชาย ในจังหวัดยโสธร ครอบครัวอยู่กันอย่างพอเพียง ใช้จ่ายเท่าที่จำเป็นจึงไม่มีปัญหาเรื่องหนี้สิน ยายทำอาชีพเป็นแม่ค้าขายอาหารตามสั่ง เวลาวันหยุดจะไปช่วยยายขายของโดยมีหน้าที่จัดร้าน ช่วยผัดอาหารบ้าง และลวกเส้นก๋วยเตี๋ยว นอกจากงานค้าขาย ยายยังทำการเกษตรเลี้ยงวัวและปลูกผักสวนครัวเอาไว้ขายอีกด้วย โดยติวเตอร์รับหน้าที่ในการรดน้ำผักและเกี่ยวหญ้าให้วัวกิน แต่ตอนนี้ยายของเขาเกิดอุบัติเหตุทำให้หูไม่ได้ยินทั้ง 2 ข้าง หนำซ้ำยังเป็นโรคความดันอีก ครอบครัวของเขาจึงมีรายได้หลักมาจากพ่อและแม่ที่ไปทำงานเป็นช่างแอร์อยู่ที่ต่างจังหวัดส่งเงินมาให้เป็นค่าใช้จ่ายในบ้าน ตลอดจนค่าเล่าเรียนของเขาและพี่ชาย ติวเตอร์เห็นถึงความเหนื่อยยากของครอบครัวจึงตั้งใจเรียนและพยายามแบ่งเบาภาระให้ได้มากที่สุด

          ตอนนี้ติวเตอร์กำลังศึกษาอยู่ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่โรงเรียนยโสธรพิทยาคมด้วยความตั้งใจเล่าเรียนทำให้ผลการเรียนภาคเรียนล่าสุดได้เกรดเฉลี่ยสูงถึง 3.86 นอกจากนี้ยังเป็นนักกิจกรรมดีเด่นของโรงเรียน เคยเป็นรองประธานนักเรียน และในปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาคณะกรรมการสภานักเรียน เป็นตัวแทนโรงเรียนเข้าร่วมการแข่งขันในงานศิลปหัตถกรรมนักเรียนระดับชาติครั้งที่ 70 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือจนได้รางวัลเหรียญทอง และเป็นตัวแทนจังหวัดในการเข้าร่วมกิจกรรมสาธารณประโยชน์อีกมากมาย “เพราะผมให้ความสำคัญกับเรื่องการเรียนเป็นอันดับหนึ่ง ถ้าไม่จำเป็นจะไม่ขาดเรียนเลย และยังชอบเป็นนักกิจกรรมจึงใช้เวลาหลังเลิกเรียนทำงานด้านนี้ พอกลับถึงบ้านมาจะช่วยทำงานบ้านเพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระ ดังนั้น การแบ่งเวลาถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่สุด และวิธีการแบ่งเวลาของผมคือ ผมจะเรียงลำดับสิ่งที่สำคัญมากที่สุด ให้เป็นสิ่งที่เราต้องทำเป็นอันดับแรก แล้วค่อย ๆ List สิ่งที่สำคัญรองลงมา ”

          ติวเตอร์เป็นเด็กที่มีความฝันว่าโตขึ้นอยากเป็น บุรุษพยาบาล เพราะเขาอยากที่จะมาดูแลคนที่รักในครอบครัว คนในชุมชน และคนอื่นๆ และตั้งใจว่าอยากที่จะเปิดคลินิกการพยาบาลและการผดุงครรภ์ให้กับคนในหมู่บ้าน และยังมีอีกหนึ่งความฝันคืออยากเป็นคุณครูสอนวิชาสังคม ในโรงเรียนต่างจังหวัด เพราะเขาคิดว่าอยากอุทิศตนเป็นผู้ให้บ้าง เพราะเป็นผู้รับมามากพอแล้ว นี่เป็น 2 ความฝันที่เขาต้องการทำให้มันเป็นจริงประสบความสำเร็จให้ได้อย่างใดอย่างหนึ่ง
          ในช่วงชีวิตที่ผ่านมาของติวเตอร์มีทั้งทุกข์และสุขปะปนกันไป มีทั้งเหนื่อยและท้อ แต่ทุกครั้งที่ติวเตอร์เจอปัญหาเขาจะตั้งสติแล้วมองย้อนกับไปว่าในอดีตยังผ่านมันมาได้ ในปัจจุบันก็ต้องผ่านมันไปได้ ขอแค่คิดและลงมือแก้ไข เพราะทุกๆปัญหาย่อมมีทางออกเสมอ จึงขอฝากกำลังใจให้กับทุกคนที่กำลังเผชิญวิกฤตในชีวิตอยู่ว่า

        “ผมอยากให้ทุกคนสู้ครับ เรามาถึงขนาดนี้แล้วทุก ๆ ปัญหาย่อมมีทางออกเสมอ เราลองมองย้อนกับไปในอดีต เราเจอกับปัญหาเยอะมากมายขนาดไหน เราก็สามารถผ่านมันมาได้ ขอแค่เราลุกขึ้นสู้กับมัน คำว่า “สู้” นี่แหละครับ เป็นเพียงแค่คำ ๆ เดียว แต่ถ้าเราลงมือทำ คำนี้จะดูยิ่งใหญ่เสมอ เป็นกำลังใจให้ทุกคนลุกขึ้นสู้ไปด้วยกัน”