ทุกครั้งที่ประสบปัญหาต่างๆ
อยากให้หันไปมองรอบๆ ตัวเรา
ยังมีอีกหลายคนคอยให้กำลังใจเราอยู่
เราอย่าพึ่งท้อถอยกับชีวิตจงลุกขึ้นแล้วเดินหน้าต่อ
นางสาว พรณาวรรณ บุญติ๊ด (ส้ม)
เด็กเก่งและดี มีความกตัญญู
นักเรียนทุน SCG Sharing The Dream โดย มูลนิธิเอสซีจี
ครอบครัวของน้องส้มอาศัยอยู่ด้วยกัน 6 คน ประกอบไปด้วย ตา ยาย ลุง
ที่พิการ แม่ และน้อง พ่อแม่แยกทางกันตั้งแต่น้องส้มอายุได้ 2 ขวบ โดยมียาย
และป้าเป็นคนเลี้ยงดูส่วนแม่ไปทำงานที่กรุงเทพ ตอนนี้ทางบ้านมีรายได้หลักทางเดียวมาจากแม่ที่รับจ้างทำงานกรมทางหลวง มีรายได้ประมาณ 5,000 – 6,000 บาท
ต่อเดือน ซึ่งไม่พอกับค่าใช้จ่าย ทำให้แม่ต้องทำงานหนัก ทั้งที่แม่ก็ป่วยเป็นโรคไต
ระยะที่ 2 ยิ่งโหมทำงานหนักจึงมีโรคไขมันและความดันเพิ่มมาอีก ส่วนยายก็ป่วยเป็นโรคไต มาหลายปีแล้ว ต้องไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลโดยรับยามากินอยู่เสมอ
เหมือนเคราะซ้ำกรรมซ้ำครอบครัวของน้องส้ม เพราะยายเกิดล้มทำให้
กระดูกต้นแขนแตกหักและต้องนำตัวส่งที่โรงพยาบาลพุทธชินราช จ.พิษณุโลก
การเดินทางไปรักษาตัวหรือว่าไปรับยาแต่ละครั้งก็ต้องใช้ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
ซึ่งใช้เงินจากเบี้ยผู้สูงอายุซึ่งก็ไม่เพียงพอ มิหนำซ้ำยายยังติดโควิด-19อีก ส่วนตา
ก็ประสบอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ล้มระหว่างไปเกี่ยวหญ้าให้วัว ทำให้กระดูกข้อมือหัก และได้นำตัวส่งโรงพยาบาลรักษาตัวใส่เฝือกทำให้ช่วงนั้นไม่สามารถทำงานได้
หลังจากที่หายได้ไม่นาน ตาก็เกิดอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ล้มอีกครั้งทำให้เกิดอาการเจ็บข้อมืออีกข้างเนื่องจากข้อมือกระแทกพื้น แต่ครั้งนี้ไม่ได้ไปรักษาที่โรงพยาบาล เพราะไม่มีเงินไปรักษา และตาบอกว่าไม่เป็นอะไรมาก ทำให้การทำงาน หยิบจับอะไร
ที่หนักๆก็จะทำให้มีอาการเจ็บข้อมือ ส่วนลุงที่พิการ มีอาการป่วยทางจิต เดินไม่ได้
ทำให้ไม่สามารถทำงานได้ แต่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ในบางครั้งได้เกิดอาการคลุมคลั่งคิดจะทำร้ายคนในบ้านอยู่หลายครั้ง จึงต้องกินยาที่หมอให้มาเป็นประจำ
ทุกวัน
ปัจจุบันน้องส้มกำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 1 คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
สาขา วิชา ชีววิทยามหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม จ.พิษณุโลก ช่วงที่ไม่ได้ไปเรียนน้องส้มออกหางานทำเพื่อหาเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ ทั้งเรื่องการเรียนของ
ตัวเอง และค่าอาหารเพื่อเลี้ยงดูคนในครอบครัว น้องส้มทำงานทุกอย่างที่จะสามารถหาเงินได้ ทั้งรับจ้างซัก-รีด รับจ้างเก็บหัวมัน รับจ้างหักข้าวโพด ในช่วงวันที่ไม่ได้ไปทำงานก็จะช่วยงานที่บ้าน โดยต้องออกไปหาต้นกล้วยเพื่อมาทำอาหารหมู โดยนำต้นกล้วยมาซอยเป็นชิ้นบางๆและนำมาสับให้หมูกิน น้องส้มต้องทำงานทุกอย่าง เพื่อที่จะแบ่งเบาภาระของยาย เพราะยายอายุมากแล้วจึงไม่อยากให้ทำงานหนักเกินไป
แม้ชีวิตจะต้องเผชิญความยากลำบากแต่น้องส้มก็มีเป้าหมายในชีวิต วางแผนอนาคตไว้ว่าอยากทำงานด้านวิทยาศาสตร์ ศึกษาวิชาเฉพาะทางเพื่อส่งเสริมความรู้ ความเข้าใจทางชีววิทยา เพราะมองว่าเป็นงานที่มั่นคง และทำให้สามารถเลี้ยงดูตัวเองและครอบครัวได้ แม้ว่าหนทางของความสำเร็จยังอีกยาวไกล แต่น้องส้มก็จะไม่ย่อท้อ เพราะมียายเป็นแรงบันดาลใจ ตลอดชีวิตน้องส้มเห็น ยายต้องทำงานหนักเพื่อเลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่ยังเล็กๆ ยายทำงานทุกอย่างเพื่อที่จะหาเงินไว้ซื้อนมและเสื้อผ้า แม้ตอนนี้ท่านจะอายุมากแล้วแต่ก็ยังทำงานอยู่ ยายยอมเหนื่อยเพื่อที่จะให้หลานมีชีวิตที่ดี เพราะฉะนั้นน้องส้มจึงยอมทำทุกอย่างเพื่อพาให้ทุกคนในครอบครัวมีคุณภาพชีวิต
ที่ดีกว่านี้ให้ได้
สุดท้ายน้องส้มขอฝากกำลังใจถึงทุกคนที่กำลังเผชิญปัญหาไม่ว่าจะหนัก
หรือเบากว่าเธอที่ต้องเผชิญอยู่ ก็ขอให้ยิ้มสู้ฝ่าฟันไปด้วยกัน
“ขอเป็นกำลังใจให้กับคนที่กำลังประสบปัญหาต่างๆในชีวิต ทุกครั้งที่
ประสบปัญหาต่างๆ อยากให้หันไปมองรอบๆตัวเรา ยังมีคนในครอบครัว
และอีกหลายคนคอยให้กำลังใจเราอยู่ เราอย่าพึ่งท้อถอยกับชีวิตจงลุกขึ้นแล้วเดิน
หน้าต่อ”
ครอบครัวของน้องส้มอาศัยอยู่ด้วยกัน 6 คน ประกอบไปด้วย ตา ยาย ลุงที่พิการ แม่ และน้อง พ่อแม่แยกทางกันตั้งแต่น้องส้มอายุได้ 2 ขวบ โดยมียายและป้าเป็นคนเลี้ยงดูส่วนแม่ไปทำงานที่กรุงเทพ ตอนนี้ทางบ้านมีรายได้หลักทางเดียวมาจากแม่ที่รับจ้างทำงานกรมทางหลวง มีรายได้ประมาณ 5,000 – 6,000 บาทต่อเดือน ซึ่งไม่พอกับค่าใช้จ่าย ทำให้แม่ต้องทำงานหนัก ทั้งที่แม่ก็ป่วยเป็นโรคไตระยะที่ 2 ยิ่งโหมทำงานหนักจึงมีโรคไขมันและความดันเพิ่มมาอีก ส่วนยายก็ป่วยเป็นโรคไต มาหลายปีแล้ว ต้องไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลโดยรับยามากินอยู่เสมอ
เหมือนเคราะซ้ำกรรมซ้ำครอบครัวของน้องส้ม เพราะยายเกิดล้มทำให้กระดูกต้นแขนแตกหักและต้องนำตัวส่งที่โรงพยาบาลพุทธชินราช จ.พิษณุโลก การเดินทางไปรักษาตัวหรือว่าไปรับยาแต่ละครั้งก็ต้องใช้ค่าใช้จ่ายในการเดินทางซึ่งใช้เงินจากเบี้ยผู้สูงอายุซึ่งก็ไม่เพียงพอ มิหนำซ้ำยายยังติดโควิด-19อีก ส่วนตา ก็ประสบอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ล้มระหว่างไปเกี่ยวหญ้าให้วัว ทำให้กระดูกข้อมือหัก และได้นำตัวส่งโรงพยาบาลรักษาตัวใส่เฝือกทำให้ช่วงนั้นไม่สามารถทำงานได้ หลังจากที่หายได้ไม่นาน ตาก็เกิดอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ล้มอีกครั้งทำให้เกิดอาการเจ็บข้อมืออีกข้างเนื่องจากข้อมือกระแทกพื้น แต่ครั้งนี้ไม่ได้ไปรักษาที่โรงพยาบาล เพราะไม่มีเงินไปรักษา และตาบอกว่าไม่เป็นอะไรมาก ทำให้การทำงาน หยิบจับอะไรที่หนักๆก็จะทำให้มีอาการเจ็บข้อมือ ส่วนลุงที่พิการ มีอาการป่วยทางจิต เดินไม่ได้ ทำให้ไม่สามารถทำงานได้ แต่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ในบางครั้งได้เกิดอาการคลุมคลั่งคิดจะทำร้ายคนในบ้านอยู่หลายครั้ง จึงต้องกินยาที่หมอให้มาเป็นประจำทุกวัน
ปัจจุบันน้องส้มกำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 1 คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาขา วิชา ชีววิทยามหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม จ.พิษณุโลก ช่วงที่ไม่ได้ไปเรียนน้องส้มออกหางานทำเพื่อหาเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ ทั้งเรื่องการเรียนของตัวเอง และค่าอาหารเพื่อเลี้ยงดูคนในครอบครัว น้องส้มทำงานทุกอย่างที่จะสามารถหาเงินได้ ทั้งรับจ้างซัก-รีด รับจ้างเก็บหัวมัน รับจ้างหักข้าวโพด ในช่วงวันที่ไม่ได้ไปทำงานก็จะช่วยงานที่บ้าน โดยต้องออกไปหาต้นกล้วยเพื่อมาทำอาหารหมู โดยนำต้นกล้วยมาซอยเป็นชิ้นบางๆและนำมาสับให้หมูกิน น้องส้มต้องทำงานทุกอย่าง เพื่อที่จะแบ่งเบาภาระของยาย เพราะยายอายุมากแล้วจึงไม่อยากให้ทำงานหนักเกินไป
แม้ชีวิตจะต้องเผชิญความยากลำบากแต่น้องส้มก็มีเป้าหมายในชีวิต วางแผนอนาคตไว้ว่าอยากทำงานด้านวิทยาศาสตร์ ศึกษาวิชาเฉพาะทางเพื่อส่งเสริมความรู้ ความเข้าใจทางชีววิทยา เพราะมองว่าเป็นงานที่มั่นคง และทำให้สามารถเลี้ยงดูตัวเองและครอบครัวได้ แม้ว่าหนทางของความสำเร็จยังอีกยาวไกล แต่น้องส้มก็จะไม่ย่อท้อ เพราะมียายเป็นแรงบันดาลใจ ตลอดชีวิตน้องส้มเห็น ยายต้องทำงานหนักเพื่อเลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่ยังเล็กๆ ยายทำงานทุกอย่างเพื่อที่จะหาเงินไว้ซื้อนมและเสื้อผ้า แม้ตอนนี้ท่านจะอายุมากแล้วแต่ก็ยังทำงานอยู่ ยายยอมเหนื่อยเพื่อที่จะให้หลานมีชีวิตที่ดี เพราะฉะนั้นน้องส้มจึงยอมทำทุกอย่างเพื่อพาให้ทุกคนในครอบครัวมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่านี้ให้ได้
สุดท้ายน้องส้มขอฝากกำลังใจถึงทุกคนที่กำลังเผชิญปัญหาไม่ว่าจะหนัก หรือเบากว่าเธอที่ต้องเผชิญอยู่ ก็ขอให้ยิ้มสู้ฝ่าฟันไปด้วยกัน
“ขอเป็นกำลังใจให้กับคนที่กำลังประสบปัญหาต่างๆในชีวิต ทุกครั้งที่ประสบปัญหาต่างๆ อยากให้หันไปมองรอบๆตัวเรา ยังมีคนในครอบครัว และอีกหลายคนคอยให้กำลังใจเราอยู่ เราอย่าพึ่งท้อถอยกับชีวิตจงลุกขึ้นแล้วเดินหน้าต่อ”