แตงไทเป็นลูกคนเดียว ครอบครัวยากจนประกอบอาชีพค้าขาย พ่อกับแม่ทำงานหนักมาโดยตลอดตั้งแต่แตงไทจำความได้ ทั้งหาเงินใช้หนี้ หาเงินมาเป็นทุนในการขายของ ใช้จ่ายในบ้าน และค่าเล่าเรียนของแตงไท ตอนแรกครอบครัวยังสามารถประคับประคองกันมาได้เรื่อย ๆ แต่พอพ่อป่วย แม่ต้องขายของคนเดียว และยังต้องไปเฝ้าพ่อที่โรงพยาบาลด้วย เวลาพ่อไปนอนโรงพยาบาลแต่ละครั้งใช้เวลานานเป็นอาทิตย์ ทำให้ครอบครัวขาดรายได้ พอมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในส่วนของค่ารักษา ค่ายา ทำให้มีภาระหนี้สินที่เพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัว แม่จึงต้องทำหน้าที่เป็นหัวหน้าครอบครัว หาเงินเพื่อดูแลทุกคน และต้องขยันมากขึ้นกว่าเดิม ด้วยการออกไปขายของที่ตลาดแต่เช้ามืด แตงไทก็เป็นคนช่วยเตรียมของให้แม่ตอนเย็น ตอนเช้าแม่ตื่นมาตอนตี 2 ก็เริ่มทำน้ำเต้าหู้ น้ำฟักทองไปขายตั้งแต่ตี 5 ถึง 8 โมงทุกวัน แตงไทช่วยงานแม่ตั้งแต่ตอนเรียนอยู่ชั้นป.4 ทำอย่างนี้เรื่อยมาจนพ่อจากไปเมื่อตอนเรียนอยู่ชั้นป.6 ปัจจุบันนี้ก็ยังช่วยงานแม่อยู่เป็นประจำ

          ตอนนี้แตงไทเรียนอยู่ที่โรงเรียนยโสธรพิทยาคม จ.ยโสธร ชั้นม.6 ผลการเรียนเทอมที่ผ่านมาทำเกรดเฉลี่ยได้สูงถึง 3.90 และสามารถรักษาเกรดเฉลี่ยไม่เคยต่ำกว่า 3.80 สักเทอมเดียว นอกจากเป็นเด็กเรียนดีแล้ว ยังรับหน้าที่เป็นประธานชมรมทูบีนัมเบอร์วันของโรงเรียนในการจัดกิจกรรม และเป็นตัวแทนของโรงเรียนในการแข่งขันวิชาการอีกมากมาย การันตีผลงานด้วยรางวัลที่เคยได้รับ เช่น นักเรียนเรียนดี ได้รับพระราชทานเกียรติบัตรจากทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี แตงไทเผยเคล็ดไม่ลับในการแบ่งเวลาเรียนดี กิจกรรมเด่นไว้ว่า

          “เวลาเรียนหนูจะเรียนตามตารางเรียนที่โรงเรียนจัดมาเลยค่ะ ส่วนการทำงานให้ชมรมทูบีนับเบอร์วัน หนูจะทำในเวลาพักเที่ยงและเลิกเรียนจนถึงเวลาสี่โมงครึ่งค่ะ บางครั้งทำงานของชมรมติดพันจนค่ำ คุณครูจะไปส่งที่บ้าน พอกลับถึงบ้านหนูจะไปช่วยแม่เตรียมของไปขาย เสร็จแล้วหนูถึงไปทำการบ้าน และงานบ้านทั้งหมด ทั้งกวาดบ้าน ถูบ้าน รีดผ้า จะเป็นหน้าที่ของหนู เพราะแม่ขายของก็เหนื่อยมากแล้ว หนูจึงอยากแบ่งเบาภาระนี้ ซึ่งไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรงที่เด็กคนหนึ่งจะทำได้ และในช่วงวันหยุดถ้าบ้านไหนมีงานเลี้ยงหนูก็จะไปรับจ้างเสริฟ์อาหาร เพื่อหารายได้อีกทางให้ครอบครัว”


          แตงไทมีความฝันว่าอยากเป็น ศัลยแพทย์ระบบประสาท เพราะพ่อมีปัญหาเกี่ยวกับกระดูกสันหลัง ตอนที่พ่อไม่สบายได้ไปเฝ้าที่โรงพยาบาลบ่อย ๆ เลยเห็นว่ามีคนป่วยรอรับการรักษาอยู่เป็นจำนวนมาก เพราะโรงพยาบาลมีหมอไม่เพียงพอ โดยเฉพาะแพทย์ฉุกเฉิน จึงอยากเป็นหมอเพื่อช่วยเหลือคน ถ้ามีหมอมากขึ้นผู้ป่วยก็จะได้รับการรักษาที่ทันเวลา ลดการสูญเสีย แต่กว่าจะถึงวันแห่งความสำเร็จนั้น แตงไทคงก็ต้องฝ่าฟันอุปสรรคที่เข้ามาในชีวิตอีกมากมาย แต่แตงไทมีแม่เป็นแบบอย่างของความอดทนในการใช้ชีวิตและใจสู้ จึงไม่คิดย่อท้อต่อปัญหา และอยากฝากกำลังใจถึงทุกคนว่า

        “ไม่เป็นไรนะ ไม่ว่าในชีวิตจะเจอเรื่องดีหรือร้าย ขอให้เราเรียนรู้และปรับตัวที่จะอยู่กับมันเราร้องไห้ได้ ท้อได้ แต่เราอย่าถอยนะคะ ถือเป็นบทสอบที่จะทำให้เราเติบโตขึ้นอย่างงดงาม เป็นกำลังใจให้ทุกคนยิ้มสู้กับทุกปัญหาและเรียนรู้ไปด้วยกัน”