จงลงมือทำอะไรสักอย่างเพื่ออนาคตที่ดีขึ้นของคุณ
เชื่อสิว่า คุณทำได้ อย่ากลัวความผิดพลาด
เพราะคนเราถ้าล้มมันคือประสบการณ์
นางสาวมณีรัตน์ จารุตัน (บี)
เด็กใฝ่เรียน ใฝ่รู้ สู้ชีวิต
นักเรียนทุน SCG Sharing The Dream โดย มูลนิธิเอสซีจี
![](https://idolido.scgfoundation.org/wp-content/uploads/2022/10/Asset-6-100-1.jpg)
![](https://idolido.scgfoundation.org/wp-content/uploads/2022/10/Asset-7.png)
![](https://idolido.scgfoundation.org/wp-content/uploads/2022/10/Asset-8-100-1.jpg)
ครอบครัวน้องบีมีพื้นแพเป็นคนต่างจังหวัด แต่ย้ายมาตั้งรกรากทำงานในจังหวัดปทุมธานี ดำเนินชีวิตแบบคนหาเช้ากินค่ำ โดยพ่อเป็นช่างทำตู้ไม้ในโรงงาน
และแม่ก็ทำงานอยู่โรงงานเดียวกับพ่อ รายได้ไม่แน่นอนบางเดือนได้จับเงินหมื่น
แต่บ่อยครั้งที่จะได้จับแค่เพียงหลักพัน ซึ่งพ่อกับแม่ทำงานที่นี้มานานมากกว่า 10 ปีแล้ว ครอบครัวของเราพักในบ้านพักพนักงานเรื่อยมา จนกระทั่งโรงงานได้รับ
ผลกระทบจากพิษเศรษฐกิจทำให้พ่อกับแม่ต้องออกจากงานเดิมเพื่อหางานใหม่
แต่ครอบครัวของน้องบีก็ยิ้มสู้และยอมรับปรับตัวให้พร้อมกับการเริ่มต้นใหม่ได้
และมองว่ามันเป็นโอกาสที่ทำให้ได้เรียนรู้สิ่งใหม่เพื่อเป็นประสบการณ์ชีวิต ปัจจุบัน
พ่อแม่ได้งานใหม่ทำแล้ว และครอบครัวที่ประกอบไปด้วย พ่อ แม่ น้องบี และน้องสาว
ก็ย้ายมาเช่าห้องเล็กๆ อาศัยอยู่ร่วมกัน
เมื่อรายได้ไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่าย น้องบีจึงทำงานพิเศษเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของครอบครัว โดยไปรับจ้างเป็นพนักงานเสิร์ฟอาหาร ในสวนอาหาร
ในช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ ได้ค่าแรงวันละ 400 บาท ทำมาตั้งแต่ตอนเรียนชั้นมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 5 ตอนที่โควิดระบาด สวนอาหารปิด ลูกค้าน้อยลง น้องบีก็ต้องพักงานไประยะหนึ่ง ทำให้ครอบครัวขาดรายได้ แต่ทุกคนก็อดทนและอดออมอยู่กินกัน
อย่างประหยัดจนผ่านพ้นวิกฤตมาได้ ปัจจุบันน้องบีกำลังศึกษาอยู่คณะวิศวกรรมอุตสาหการ มหาวิทยาลัยมหิดล ชั้นปีที่ 1 ซึ่งต้องแบ่งเวลาเรียนในวันธรรมดา
ช่วยเหลืองานบ้าน ทบทวนบทเรียน ทำรายงานให้เรียบร้อย และยังไปทำงานพิเศษ
ในวันเสาร์อาทิตย์เพื่อนำเงินไปช่วยเหลือครอบครัวอีกทางหนึ่ง
ในอนาคตน้องบีมีความฝันว่าเรียนจบแล้วอยากทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับการออกแบบ การวางแผนสินค้าก่อนตามสาขาวิชาที่ได้เรียนมา แล้วค่อยๆ สั่งสมประสบการณ์ เพิ่มพูนทักษะด้านต่างๆ จนเชี่ยวชาญแล้วจะออกมาเปิดบริษัทของตัวเองตามความตั้งใจว่าในอนาคตว่าต้องมีแบรนด์เป็นของตัวเองให้ได้ ถึงแม้การเดินทางยังอีกยาวไกล ชีวิตยังต้องเผชิญความทุกข์ยาก แบกรับแรงกดดันทั้งเรื่องการเรียน ความคาดหวังและความรับผิดชอบที่ต้องเพิ่มขึ้นพร้อมกับเติบโต
เป็นผู้ใหญ่ แต่น้องบีก็มีครอบครัวเป็นแรงผลักดันเป็นขวัญและกำลังใจให้ก้าวเดิน
ต่อไป เพราะหลายอย่างในชีวิตทั้งเรื่องการเลือกเรียน เป้าหมายชีวิตในอนาคต
น้องบีนึกถึงคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของครอบครัวเป็นอย่างแรก เธอจึงกัดฟันสู้
และอดทนพยายามพาตัวเองไปให้ถึงเป้า
“เราเลือกเกิดไม่ได้แต่เราเลือกทำให้ชีวิตดีขึ้นได้ อย่าดูถูกตัวเอง เราสามารถ
ทำได้ เพียงแค่คุณอยากเห็นอนาคตตัวเองเป็นแบบไหน อย่าเพียงแค่คิดแต่ต้องลงมือทำมัน เริ่มจากจุดเล็กๆก่อนก็ได้ค่อยๆ เก็บเกี่ยวเรียนรู้จนกว่าจะประสบความสำเร็จ อย่ารอจนกว่าคุณจะมีพร้อมทุกอย่าง เพราะคุณจะไม่มีวันได้เริ่มทำมัน จงลงมือ
ทำอะไรสักอย่างเพื่ออนาคตที่ดีขึ้นของคุณ เชื่อสิว่า คุณทำได้ อย่ากลัวความผิดพลาดเพราะคนเราถ้าล้มมันคือประสบการณ์ ถึงแม้ทุกๆอย่างบนโลกจะหันหลังให้คุณ ก็จงเชื่อมั่นและคอยให้กำลังใจตัวเอง เตือนสติตัวเองอยู่เสมอว่าอะไรที่คิดแล้ว
ทำให้ชีวิตดำดิ่งจมอยู่กับความทุกข์ก็อย่าไปคิดถึงมันมาก ให้ตั้งสติและฮึดสู้เชื่อว่าเราจะก้าวผ่านมันไปได้ เป็นกำลังใจให้ค่ะ”
ครอบครัวน้องบีมีพื้นแพเป็นคนต่างจังหวัด แต่ย้ายมาตั้งรกรากทำงานในจังหวัดปทุมธานี ดำเนินชีวิตแบบคนหาเช้ากินค่ำ โดยพ่อเป็นช่างทำตู้ไม้ในโรงงาน และแม่ก็ทำงานอยู่โรงงานเดียวกับพ่อ รายได้ไม่แน่นอนบางเดือนได้จับเงินหมื่น แต่บ่อยครั้งที่จะได้จับแค่เพียงหลักพัน ซึ่งพ่อกับแม่ทำงานที่นี้มานานมากกว่า 10 ปีแล้ว ครอบครัวของเราพักในบ้านพักพนักงานเรื่อยมา จนกระทั่งโรงงานได้รับผลกระทบจากพิษเศรษฐกิจทำให้พ่อกับแม่ต้องออกจากงานเดิมเพื่อหางานใหม่ แต่ครอบครัวของน้องบีก็ยิ้มสู้และยอมรับปรับตัวให้พร้อมกับการเริ่มต้นใหม่ได้ และมองว่ามันเป็นโอกาสที่ทำให้ได้เรียนรู้สิ่งใหม่เพื่อเป็นประสบการณ์ชีวิต ปัจจุบันพ่อแม่ได้งานใหม่ทำแล้ว และครอบครัวที่ประกอบไปด้วย พ่อ แม่ น้องบี และน้องสาวก็ย้ายมาเช่าห้องเล็กๆ อาศัยอยู่ร่วมกัน
เมื่อรายได้ไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่าย น้องบีจึงทำงานพิเศษเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของครอบครัว โดยไปรับจ้างเป็นพนักงานเสิร์ฟอาหาร ในสวนอาหารในช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ ได้ค่าแรงวันละ 400 บาท ทำมาตั้งแต่ตอนเรียนชั้นมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 5 ตอนที่โควิดระบาด สวนอาหารปิด ลูกค้าน้อยลง น้องบีก็ต้องพักงานไประยะหนึ่ง ทำให้ครอบครัวขาดรายได้ แต่ทุกคนก็อดทนและอดออมอยู่กินกันอย่างประหยัดจนผ่านพ้นวิกฤตมาได้ ปัจจุบันน้องบีกำลังศึกษาอยู่คณะวิศวกรรมอุตสาหการ มหาวิทยาลัยมหิดล ชั้นปีที่ 1 ซึ่งต้องแบ่งเวลาเรียนในวันธรรมดา ช่วยเหลืองานบ้าน ทบทวนบทเรียน ทำรายงานให้เรียบร้อย และยังไปทำงานพิเศษในวันเสาร์อาทิตย์เพื่อนำเงินไปช่วยเหลือครอบครัวอีกทางหนึ่ง
ในอนาคตน้องบีมีความฝันว่าเรียนจบแล้วอยากทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับการออกแบบ การวางแผนสินค้าก่อนตามสาขาวิชาที่ได้เรียนมา แล้วค่อยๆ สั่งสมประสบการณ์ เพิ่มพูนทักษะด้านต่างๆ จนเชี่ยวชาญแล้วจะออกมาเปิดบริษัทของตัวเองตามความตั้งใจว่าในอนาคตว่าต้องมีแบรนด์เป็นของตัวเองให้ได้ ถึงแม้การเดินทางยังอีกยาวไกล ชีวิตยังต้องเผชิญความทุกข์ยาก แบกรับแรงกดดันทั้งเรื่องการเรียน ความคาดหวังและความรับผิดชอบที่ต้องเพิ่มขึ้นพร้อมกับเติบโตเป็นผู้ใหญ่ แต่น้องบีก็มีครอบครัวเป็นแรงผลักดันเป็นขวัญและกำลังใจให้ก้าวเดินต่อไป เพราะหลายอย่างในชีวิตทั้งเรื่องการเลือกเรียน เป้าหมายชีวิตในอนาคต น้องบีนึกถึงคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของครอบครัวเป็นอย่างแรก เธอจึงกัดฟันสู้และอดทนพยายามพาตัวเองไปให้ถึงเป้า
“เราเลือกเกิดไม่ได้แต่เราเลือกทำให้ชีวิตดีขึ้นได้ อย่าดูถูกตัวเอง เราสามารถทำได้ เพียงแค่คุณอยากเห็นอนาคตตัวเองเป็นแบบไหน อย่าเพียงแค่คิดแต่ต้องลงมือทำมัน เริ่มจากจุดเล็กๆก่อนก็ได้ค่อยๆ เก็บเกี่ยวเรียนรู้จนกว่าจะประสบความสำเร็จ อย่ารอจนกว่าคุณจะมีพร้อมทุกอย่าง เพราะคุณจะไม่มีวันได้เริ่มทำมัน จงลงมือทำอะไรสักอย่างเพื่ออนาคตที่ดีขึ้นของคุณ เชื่อสิว่า คุณทำได้ อย่ากลัวความผิดพลาดเพราะคนเราถ้าล้มมันคือประสบการณ์ ถึงแม้ทุกๆอย่างบนโลกจะหันหลังให้คุณ ก็จงเชื่อมั่นและคอยให้กำลังใจตัวเอง เตือนสติตัวเองอยู่เสมอว่าอะไรที่คิดแล้วทำให้ชีวิตดำดิ่งจมอยู่กับความทุกข์ก็อย่าไปคิดถึงมันมาก ให้ตั้งสติและฮึดสู้เชื่อว่าเราจะก้าวผ่านมันไปได้ เป็นกำลังใจให้ค่ะ”
![](https://idolido.scgfoundation.org/wp-content/uploads/2022/10/Asset-9-100-2.jpg)
![](https://idolido.scgfoundation.org/wp-content/uploads/2022/10/Asset-10-100-1.jpg)