เติมฝัน ปันสุข
นางสาวณัฐฐิณี เสมอ (คุณเอิร์น)
ผู้ช่วยพยาบาลแผนกอายุรกรรมหญิง โรงพยาบาลวชิรพยาบาล
อดีตผู้ได้รับทุนระยะสั้นเพื่อการมีอาชีพปี 2563 โดย มูลนิธิเอสซีจี
ทุกครั้งที่พบเจอปัญหา หนูพยายามให้กำลังใจตัวเองและคิดบวก เพราะคิดว่าถ้าเรามองโลกในแง่บวก
อย่างน้อยมันก็ช่วยเติมพลังและช่วยให้มีแรงจัดการกับสถานการณ์ที่ตึงเครียดได้ดีกว่าค่ะ
ทุกครั้งที่พบเจอปัญหา
หนูพยายามให้กำลังใจตัวเองและคิดบวก
เพราะคิดว่าถ้าเรามองโลกในแง่บวก
อย่างน้อยมันก็ช่วยเติมพลังและช่วยให้
มีแรงจัดการกับสถานการณ์ที่ตึงเครียด
ได้ดีกว่าค่ะ
นางสาวณัฐฐิณี เสมอ (คุณเอิร์น)
“จากเด็กที่เรียนจบแค่ชั้นมอปลาย เพราะไม่มีทุนทรัพย์มากพอในการศึกษาต่อระดับปริญญาตรี และแม้ว่าคุณวุฒิจะน้อย แต่เธอไม่ได้เอามาเป็นข้อจำกัด ตรงกันข้าม เธอกลับมุมานะ บากบั่น ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค เพราะอยากมีอนาคตที่ดี จนสุดท้าย น้องเอิร์น , ณัฐฐิณี เสมอ ก็สามารถหาเลี้ยงชีพได้ ด้วยการเป็นผู้ช่วยพยาบาล
ในวัยเพียง 23 ปี”
เป็นความจริงที่ต้องยอมรับว่า เราทุกคนล้วนต้องเจอช่วงเวลาที่ยากลำบาก คล้ายกับโชคชะตาส่งบททดสอบมาพิสูจน์ความเข้มแข็งของจิตใจ เพื่อจะดูว่าเรามีวิธีเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ร้าย ๆ หรือจัดการกับอุปสรรคในชีวิตกันอย่างไร เช่นเดียวกับชีวิตของ น้องเอิร์น หรือ นางสาว ณัฐฐิณี เสมอ ที่เจอบททดสอบไม่ต่างจากคนอื่นเช่นกัน
จากเด็กที่เคยมีชีวิตสุขสม ครอบครัวมีฐานะร่ำรวย ได้เรียนโรงเรียนเอกชน ตลอดจน มีโอกาสเรียน
เสริมทักษะพิเศษต่างๆ แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด เมื่อพ่อและแม่ของเธอได้เสียชีวิต ตอนเรียนอยู่ชั้นประถม 2 น้องเอิร์นชีวิตพลิกผันจากหน้ามือเป็นหลังมือ เธอเผชิญกับความยากลำบากทั้งทางกายและทางใจ แต่ก็ผ่าน
บททดสอบแห่งโชคชะตามาได้ด้วยใจสู้ และกำลังใจจากตัวเอง จนตอนนี้ เธอเป็นผู้ช่วยพยาบาลที่ปฏิบัติงาน
ในแผนกอายุรกรรมหญิง โรงพยาบาลวชิรพยาบาลและมีรายได้หล่อเลี้ยงชีวิตจนถึงทุกวันนี้
“จากเด็กที่เรียนจบแค่ชั้นมอปลาย เพราะไม่มีทุนทรัพย์มากพอในการศึกษาต่อระดับปริญญาตรี และแม้ว่าคุณวุฒิจะน้อย แต่เธอไม่ได้เอามาเป็นข้อจำกัด ตรงกันข้าม เธอกลับมุมานะ บากบั่น ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค เพราะอยากมีอนาคตที่ดี จนสุดท้าย น้องเอิร์น , ณัฐฐิณี เสมอ ก็สามารถหาเลี้ยงชีพได้ ด้วยการเป็นผู้ช่วยพยาบาลในวัยเพียง 23 ปี”
เป็นความจริงที่ต้องยอมรับว่า เราทุกคนล้วนต้องเจอช่วงเวลาที่ยากลำบาก คล้ายกับโชคชะตาส่งบททดสอบมาพิสูจน์ความเข้มแข็งของจิตใจ เพื่อจะดูว่าเรามีวิธีเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ร้าย ๆ หรือจัดการกับอุปสรรคในชีวิตกันอย่างไร เช่นเดียวกับชีวิตของ น้องเอิร์น หรือ นางสาว ณัฐฐิณี เสมอ ที่เจอบททดสอบไม่ต่างจากคนอื่นเช่นกัน
จากเด็กที่เคยมีชีวิตสุขสม ครอบครัวมีฐานะร่ำรวย ได้เรียนโรงเรียนเอกชน ตลอดจน มีโอกาสเรียนเสริมทักษะพิเศษต่างๆ แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด เมื่อพ่อและแม่ของเธอได้เสียชีวิต ตอนเรียนอยู่ชั้นประถม 2 น้องเอิร์นชีวิตพลิกผันจากหน้ามือเป็นหลังมือ เธอเผชิญกับความยากลำบากทั้งทางกายและทางใจ แต่ก็ผ่านบททดสอบแห่งโชคชะตามาได้ด้วยใจสู้ และกำลังใจจากตัวเอง จนตอนนี้ เธอเป็นผู้ช่วยพยาบาลที่ปฏิบัติงานในแผนกอายุรกรรมหญิง โรงพยาบาลวชิรพยาบาลและมีรายได้หล่อเลี้ยงชีวิตจนถึงทุกวันนี้
ต้นทุนชีวิตก็สำคัญ แต่อีกสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า คือ “ความพยายาม” และ “การลงมือทำ”
หลังจากที่น้องเอิร์นสูญเสียคุณพ่อ และคุณแม่ในช่วงที่เธอเรียนอยู่ชั้นประถม 2 ทำให้เธอต้องระหกระเหิน
มาอยู่กับคุณตา-คุณยายที่จังหวัดพะเยา คอยช่วยทำงานบ้าน และเข้าสวน เข้าไร่เพื่อเก็บพืชผล เธอใช้ชีวิต
ยากลำบาก แต่ก็อดทนจนกระทั่งเรียนจบมัธยมศึกษาตอนปลาย แม้ว่าในตอนนั้น เธอจะลองไปสอบเข้าคณะ
การท่องเที่ยวและการโรงแรมที่มหาฯ ลัยมาแล้ว แต่น่าเสียดายว่า ด้วยฐานะทางบ้านที่ไม่ได้ร่ำรวยเหมือนแต่ก่อน
และไม่อยากเป็นภาระคนอื่น จึงตัดสินใจทิ้งความคิดที่จะเรียนต่อระดับปริญญาตรี และเลือกหางานทำเพื่อหารายได้เลี้ยงชีพแทน
ในช่วงเวลานั้น เธอวางแผนว่าจะมาหางานพาร์ทไทม์ทำที่กรุงเทพฯ แต่เป็นจังหวะเดียวกับที่ป้าของ
น้องเอิร์นติดต่อมาว่าเพื่อนของป้าซึ่งเป็นเจ้าของโรงแรมกำลังต้องการพนักงาน เลยแนะนำให้เธอไปลองสมัคร
ดู เมื่อคิดว่ามันเป็นโอกาสดีและช่องทางหารายได้ เธอจึงตัดสินใจออกเดินทางจากจังหวัดพะเยา มุ่งหน้าสู่โรงแรมแห่งหนึ่งในตัวเมืองพัทยา
ในตอนนั้น น้องเอิร์นเริ่มจากการเป็นพนักงานต้อนรับส่วนหน้าของโรงแรม และอาจมีเข้าไปช่วยงานส่วนอื่นด้วย เมื่อระยะเวลาผ่านไป 6 เดือน ผู้จัดการโรงแรมเห็นความสามารถ จึงให้เธอทดลองงานในตำแหน่งผู้ช่วย
ผู้จัดการดู 6 เดือนก่อน หากเธอทำได้จะได้รับตำแหน่งจริง และสุดท้าย เธอทำได้ และเป็นผู้ช่วยผู้จัดการโรงแรม
ในเวลาต่อมา
“หนูตั้งใจทำงานมาก และคิดว่าข้อดีของหนู คือเป็นคนหัวไว เรียนรู้งานได้เร็ว รวมถึง เวลาอยู่หน้างานสามารถแก้ปัญหาได้ดี และนี่คงเป็นเหตุผลทีทำให้หัวหน้าเห็นถึงศักยภาพ จึงเลื่อนตำแหน่งให้แม้จะทำงานมาได้
เพียงหนึ่งปีค่ะ”
ต้นทุนชีวิตก็สำคัญ แต่อีกสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า คือ “ความพยายาม” และ “การลงมือทำ”
หลังจากที่น้องเอิร์นสูญเสียคุณพ่อ และคุณแม่ในช่วงที่เธอเรียนอยู่ชั้นประถม 2 ทำให้เธอต้องระหกระเหินมาอยู่กับคุณตา-คุณยายที่จังหวัดพะเยา คอยช่วยทำงานบ้าน และเข้าสวน เข้าไร่เพื่อเก็บพืชผล เธอใช้ชีวิตยากลำบาก แต่ก็อดทนจนกระทั่งเรียนจบมัธยมศึกษาตอนปลาย แม้ว่าในตอนนั้น เธอจะลองไปสอบเข้าคณะการท่องเที่ยวและการโรงแรมที่มหาฯ ลัยมาแล้ว แต่น่าเสียดายว่า ด้วยฐานะทางบ้านที่ไม่ได้ร่ำรวยเหมือนแต่ก่อนและไม่อยากเป็นภาระคนอื่น จึงตัดสินใจทิ้งความคิดที่จะเรียนต่อระดับปริญญาตรี และเลือกหางานทำเพื่อหารายได้เลี้ยงชีพแทน
ในช่วงเวลานั้น เธอวางแผนว่าจะมาหางานพาร์ทไทม์ทำที่กรุงเทพฯ แต่เป็นจังหวะเดียวกับที่ป้าของน้องเอิร์นติดต่อมาว่าเพื่อนของป้าซึ่งเป็นเจ้าของโรงแรมกำลังต้องการพนักงาน เลยแนะนำให้เธอไปลองสมัครดู เมื่อคิดว่ามันเป็นโอกาสดีและช่องทางหารายได้ เธอจึงตัดสินใจออกเดินทางจากจังหวัดพะเยา มุ่งหน้าสู่โรงแรมแห่งหนึ่งในตัวเมืองพัทยา
ในตอนนั้น น้องเอิร์นเริ่มจากการเป็นพนักงานต้อนรับส่วนหน้าของโรงแรม และอาจมีเข้าไปช่วยงานส่วนอื่นด้วย เมื่อระยะเวลาผ่านไป 6 เดือน ผู้จัดการโรงแรมเห็นความสามารถ จึงให้เธอทดลองงานในตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการดู 6 เดือนก่อน หากเธอทำได้จะได้รับตำแหน่งจริง และสุดท้าย เธอทำได้ และเป็นผู้ช่วยผู้จัดการโรงแรมในเวลาต่อมา
“หนูตั้งใจทำงานมาก และคิดว่าข้อดีของหนู คือเป็นคนหัวไว เรียนรู้งานได้เร็ว รวมถึง เวลาอยู่หน้างานสามารถแก้ปัญหาได้ดี และนี่คงเป็นเหตุผลทีทำให้หัวหน้าเห็นถึงศักยภาพ จึงเลื่อนตำแหน่งให้แม้จะทำงานมาได้เพียงหนึ่งปีค่ะ”
จุดเริ่มต้นของการเป็น ‘ผู้ช่วยพยาบาล’ มาจากสถานการณ์โควิด -19
แม้ชีวิตการทำงานของผู้ช่วยผู้จัดการโรงแรมจะไปได้สวย แต่พอมีสถานการณ์โควิด-19 เข้ามา ธุรกิจ
ด้านโรงแรมได้รับผลกระทบ เศรษฐกิจซบเซาอย่างเห็นได้ชัด น้องเอิร์นที่ทำงานด้านโรงแรมมากว่า 3 ปี จำเป็น
ต้องหาอาชีพใหม่ ประกอบกับเธอเองเคยมีความฝันว่า อยากทำงานข้าราชการ จึงคิดว่านี่น่าจะเป็นโอกาสอันดี
ที่ได้เวลาเรียนจริงจังอีกครั้ง
จากการศึกษาหาข้อมูลอย่างละเอียด สุดท้าย เธอตัดสินใจเดินทางจากพัทยามาเรียนที่กรุงเทพฯ
กับหลักสูตร 1 ปีที่มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช คณะพยาบาลศาสตร์เกื้อการุณย์ สาขาผู้ช่วยพยาบาล
( การดูแลผู้สูงอาย ุ)
“เวลาเลือกเส้นทางใหม่ ๆ ในชีวิต หนูตัดสินใจด้วยตัวเองหมดเลย แต่ก็ไม่เคยกลัวความล้มเหลว
เพราะมองว่าในทุกประสบการณ์ เราย่อมได้เรียนรู้อะไรจากมัน ที่สำคัญ ยังช่วยเปิดโลกทัศน์ให้กว้างขึ้นด้วยค่ะ”
ส่วนเหตุผลที่น้องเอิร์นเลือกเรียนหลักสูตรระยะสั้น เพราะหลังจากเรียนจบแล้วนั้นมีงานรองรับทันที
ทำให้เธอมั่นใจว่าเรียนจบไปก็ไม่ตกงาน แต่ช่วงที่เรียนนั้น ก็ยังมีเรื่องค่าใช้จ่ายที่น่าหนักใจ เพราะค่าเล่าเรียนทั้งหมดมาจากเงินเก็บช่วงที่เธอทำงานที่โรงแรม ซึ่งถ้าเกิดเหตุสุดวิสัยก็ไม่แน่ใจว่าจะพอหรือเปล่า แต่ตอนนั้น อาจารย์
ที่มหาฯ ลัย แนะนำให้เธอลองยื่นเรื่องขอทุนระยะสั้นเพื่อการมีอาชีพ ของมูลนิธิเอสซีจีดู โชคดีที่เธอได้รับการ
คัดเลือกและได้ทุนมาจำนวนหนึ่ง ซึ่งทุนนี้เป็นทุนแบบไม่มีภาระผูกพัน และที่สำคัญยังเป็นเงินก้อนสำคัญที่เข้ามา
ต่อลมหายใจในการช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย ทั้งเรื่อง ค่าอาหารการกิน ค่าห้องเช่าที่เธอต้องมาอาศัยที่กรุงเทพ ฯ แบบตัวคนเดียวอีกด้วย
หลังจาก น้องเอิร์นเล่าเรียนจนสำเร็จการศึกษาก็ได้เข้าทำงานเป็นผู้ช่วยพยาบาลแผนกอายุรกรรมหญิง
ที่โรงพยาบาลวชิระพยาบาล ซึ่งเธอทำงานอยู่ในหอผู้ป่วย Semi ICU อายุรกรรมด้วย โดยมีหน้าที่คอยดูแล
กลุ่มผู้สูงอายุทุกรูปแบบทั้ง ผู้สูงวัยปกติติดเตียง ไปจนถึงผู้ป่วยหนักถึงขั้นใส่ท่อช่วยหายใจ
“ช่วงแรกของการทำงาน ถือว่า ปรับตัวยากเหมือนกันค่ะ แถมยังกล้า ๆ กลัว ๆ ด้วย เพราะการทำงาน
ที่โรงพยาบาลจะมีการเดิมพันด้วยชีวิตคน แต่พอรู้ว่ายาก เรายิ่งต้องตั้งใจมากกว่าเดิม ทำให้ช่วงเริ่มงาน 3 เดือนแรกที่มีพี่เลี้ยงคอยดูตลอดนั้น หนูเองก็วิ่งเข้าหางานเพื่อพัฒนาตัวเองไปด้วย ทุกครั้งที่ได้ขึ้นวอร์ด เตรียมของ
ในแต่ละหัตถการที่คุณหมอบอก เราก็จดจำและพยายามเรียนรู้ผ่านประสบการณ์จริง พอสั่งสมประสบการณ์
มาเรื่อย ๆ บวกกับเป็นคนหัวไว เลยทำให้เข้าใจเนื้องานได้เร็ว และมั่นใจในการทำงานมากขึ้น อย่างเช่น ถ้าเห็นคนไข้หน้าซีด หรือ มีอาการสำลัก หนูรู้แล้วว่าเริ่มมีอาการผิดปกติ ตามหน้าที่ก็ต้องรีบรายงานให้พี่พยาบาลและคุณหมอทราบเพื่อช่วยหาทางแก้ไขกันต่อไป”
จุดเริ่มต้นของการเป็น ‘ผู้ช่วยพยาบาล’ มาจากสถานการณ์โควิด -19
แม้ชีวิตการทำงานของผู้ช่วยผู้จัดการโรงแรมจะไปได้สวย แต่พอมีสถานการณ์โควิด-19 เข้ามา ธุรกิจด้านโรงแรมได้รับผลกระทบ เศรษฐกิจซบเซาอย่างเห็นได้ชัด น้องเอิร์นที่ทำงานด้านโรงแรมมากว่า 3 ปี จำเป็นต้องหาอาชีพใหม่ ประกอบกับเธอเองเคยมีความฝันว่า อยากทำงานข้าราชการ จึงคิดว่านี่น่าจะเป็นโอกาสอันดีที่ได้เวลาเรียนจริงจังอีกครั้ง
จากการศึกษาหาข้อมูลอย่างละเอียด สุดท้าย เธอตัดสินใจเดินทางจากพัทยามาเรียนที่กรุงเทพฯ กับหลักสูตร 1 ปีที่มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช คณะพยาบาลศาสตร์เกื้อการุณย์ สาขาผู้ช่วยพยาบาล ( การดูแลผู้สูงอาย ุ)
“เวลาเลือกเส้นทางใหม่ ๆ ในชีวิต หนูตัดสินใจด้วยตัวเองหมดเลย แต่ก็ไม่เคยกลัวความล้มเหลว เพราะมองว่าในทุกประสบการณ์ เราย่อมได้เรียนรู้อะไรจากมัน ที่สำคัญ ยังช่วยเปิดโลกทัศน์ให้กว้างขึ้นด้วยค่ะ”
ส่วนเหตุผลที่น้องเอิร์นเลือกเรียนหลักสูตรระยะสั้น เพราะหลังจากเรียนจบแล้วนั้นมีงานรองรับทันที ทำให้เธอมั่นใจว่าเรียนจบไปก็ไม่ตกงาน แต่ช่วงที่เรียนนั้น ก็ยังมีเรื่องค่าใช้จ่ายที่น่าหนักใจ เพราะค่าเล่าเรียนทั้งหมดมาจากเงินเก็บช่วงที่เธอทำงานที่โรงแรม ซึ่งถ้าเกิดเหตุสุดวิสัยก็ไม่แน่ใจว่าจะพอหรือเปล่า แต่ตอนนั้น อาจารย์ที่มหาฯ ลัย แนะนำให้เธอลองยื่นเรื่องขอทุนระยะสั้นเพื่อการมีอาชีพ ของมูลนิธิเอสซีจีดู โชคดีที่เธอได้รับการคัดเลือกและได้ทุนมาจำนวนหนึ่ง ซึ่งทุนนี้เป็นทุนแบบไม่มีภาระผูกพัน และที่สำคัญยังเป็นเงินก้อนสำคัญที่เข้ามาต่อลมหายใจในการช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย ทั้งเรื่อง ค่าอาหารการกิน ค่าห้องเช่าที่เธอต้องมาอาศัยที่กรุงเทพ ฯ แบบตัวคนเดียวอีกด้วย
หลังจาก น้องเอิร์นเล่าเรียนจนสำเร็จการศึกษาก็ได้เข้าทำงานเป็นผู้ช่วยพยาบาลแผนกอายุรกรรมหญิงที่โรงพยาบาลวชิระพยาบาล ซึ่งเธอทำงานอยู่ในหอผู้ป่วย Semi ICU อายุรกรรมด้วย โดยมีหน้าที่คอยดูแลกลุ่มผู้สูงอายุทุกรูปแบบทั้ง ผู้สูงวัยปกติติดเตียง ไปจนถึงผู้ป่วยหนักถึงขั้นใส่ท่อช่วยหายใจ
“ช่วงแรกของการทำงาน ถือว่า ปรับตัวยากเหมือนกันค่ะ แถมยังกล้า ๆ กลัว ๆ ด้วย เพราะการทำงานที่โรงพยาบาลจะมีการเดิมพันด้วยชีวิตคน แต่พอรู้ว่ายาก เรายิ่งต้องตั้งใจมากกว่าเดิม ทำให้ช่วงเริ่มงาน 3 เดือนแรกที่มีพี่เลี้ยงคอยดูตลอดนั้น หนูเองก็วิ่งเข้าหางานเพื่อพัฒนาตัวเองไปด้วย ทุกครั้งที่ได้ขึ้นวอร์ด เตรียมของในแต่ละหัตถการที่คุณหมอบอก เราก็จดจำและพยายามเรียนรู้ผ่านประสบการณ์จริง พอสั่งสมประสบการณ์มาเรื่อย ๆ บวกกับเป็นคนหัวไว เลยทำให้เข้าใจเนื้องานได้เร็ว และมั่นใจในการทำงานมากขึ้น อย่างเช่น ถ้าเห็นคนไข้หน้าซีด หรือ มีอาการสำลัก หนูรู้แล้วว่าเริ่มมีอาการผิดปกติ ตามหน้าที่ก็ต้องรีบรายงานให้พี่พยาบาลและคุณหมอทราบเพื่อช่วยหาทางแก้ไขกันต่อไป”
ประสบการณ์การทำงานได้สอนให้รู้ว่า ‘ใจเย็น’ เป็น ‘สิ่งสำคัญ’
แม้การทำงานด้านโรงแรมกับโรงพยาบาลจะมีเนื้องาน และกลุ่มลูกค้าต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่สิ่งที่น้องเอิร์น
มองว่าทั้งสองอาชีพนั้นเหมือนกัน คือ เป็นงานบริการ ฉะนั้น งานบริการที่ดี สิงสำคัญ คือ ต้องมีทักษะการเจรจา วิธีการใช้คำพูดที่ทำให้ลูกค้าพึงพอใจกับวิธีการแก้ปัญหาของเรา และต่อมาต้องเป็นคนใจเย็น ซึ่งน้องเอิร์นเอง
ยอมรับว่า ก่อนหน้านี้ เป็นคนใจร้อน แต่ด้วยประสบการณ์การทำงานที่โรงแรมได้พัฒนาจิตใจให้เธอเป็นคนใจเย็นลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งพอมาทำงานที่โรงพยาบาล ก็ยิ่งต้องใจเย็นกว่าเดิม เพราะมันไม่ใช่แค่การรับมือกับผู้ป่วย
แต่ต้องรับมือกับอารมณ์ของญาติผู้ป่วยด้วย หากไม่ฝึกควบคุมอารมณ์ตัวเองและเผลอใจร้อน ขาดสติ
อาจเผลอทำอะไรที่ไม่ถูกไม่ควรแล้วมานั่งเสียใจภายหลังได้
ประสบการณ์การทำงานได้สอนให้รู้ว่า ‘ใจเย็น’ เป็น ‘สิ่งสำคัญ’
แม้การทำงานด้านโรงแรมกับโรงพยาบาลจะมีเนื้องาน และกลุ่มลูกค้าต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่สิ่งที่น้องเอิร์นมองว่าทั้งสองอาชีพนั้นเหมือนกัน คือ เป็นงานบริการ ฉะนั้น งานบริการที่ดี สิงสำคัญ คือ ต้องมีทักษะการเจรจา วิธีการใช้คำพูดที่ทำให้ลูกค้าพึงพอใจกับวิธีการแก้ปัญหาของเรา และต่อมาต้องเป็นคนใจเย็น ซึ่งน้องเอิร์นเองยอมรับว่า ก่อนหน้านี้ เป็นคนใจร้อน แต่ด้วยประสบการณ์การทำงานที่โรงแรมได้พัฒนาจิตใจให้เธอเป็นคนใจเย็นลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งพอมาทำงานที่โรงพยาบาล ก็ยิ่งต้องใจเย็นกว่าเดิม เพราะมันไม่ใช่แค่การรับมือกับผู้ป่วย แต่ต้องรับมือกับอารมณ์ของญาติผู้ป่วยด้วย หากไม่ฝึกควบคุมอารมณ์ตัวเองและเผลอใจร้อน ขาดสติ อาจเผลอทำอะไรที่ไม่ถูกไม่ควรแล้วมานั่งเสียใจภายหลังได้
ผ่านช่วงเวลายากลำบาก ด้วยการ ‘เติมพลังบวก’
“เวลาเจอช่วงที่ยากลำบาก เหนื่อย ท้อ หนูก็มีเครียดค่ะ จนถึงขั้นร้องไห้ก็ออกบ่อย แต่ทุกครั้งที่พบเจอปัญหาในชีวิต หนูพยายามให้กำลังใจตัวเองและคิดบวก รวมถึง ปล่อยวางความคิดลบ เพราะส่วนตัวคิดว่าถ้าเรามองโลกในแง่บวก อย่างน้อยมันก็ช่วยเติมพลังและช่วยให้มีแรงจัดการกับสถานการณ์ที่ตึงเครียดได้ดีกว่าค่ะ”
ผ่านช่วงเวลายากลำบาก ด้วยการ ‘เติมพลังบวก’
“เวลาเจอช่วงที่ยากลำบาก เหนื่อย ท้อ หนูก็มีเครียดค่ะ จนถึงขั้นร้องไห้ก็ออกบ่อย แต่ทุกครั้งที่พบเจอปัญหาในชีวิต หนูพยายามให้กำลังใจตัวเองและคิดบวก รวมถึง ปล่อยวางความคิดลบ เพราะส่วนตัวคิดว่าถ้าเรามองโลกในแง่บวก อย่างน้อยมันก็ช่วยเติมพลังและช่วยให้มีแรงจัดการกับสถานการณ์ที่ตึงเครียดได้ดีกว่าค่ะ”
ชีวิตจะดีหรือไม่ ขึ้นอยู่ที่ตัวเราเอง
“แม้ในอดีตจะเคยเสียดายที่ไม่ได้เรียนต่อระดับมหาฯ ลัย แต่ตอนนี้ หนูกลับคิดใหม่ว่า อย่างน้อยหนูโชคดี
ที่ได้ทำงานไว ทำให้มีเวลามากพอที่จะเก็บเงินสร้างบ้าน สร้างอนาคต และส่วนตัวก็ไม่เคยคิดเกเรอยู่แล้ว เพราะ
เชื่อว่า เราทุกคนสามารถเลือกเส้นทางชีวิตที่ดีได้ ตอนนี้หนูจึงโฟกัสแค่ปัจจุบัน และอดทนเพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิต
ตัวเองให้ดีขึ้นค่ะ”
ชีวิตจะดีหรือไม่ ขึ้นอยู่ที่ตัวเราเอง
“แม้ในอดีตจะเคยเสียดายที่ไม่ได้เรียนต่อระดับมหาฯ ลัย แต่ตอนนี้ หนูกลับคิดใหม่ว่า อย่างน้อยหนูโชคดีที่ได้ทำงานไว ทำให้มีเวลามากพอที่จะเก็บเงินสร้างบ้าน สร้างอนาคต และส่วนตัวก็ไม่เคยคิดเกเรอยู่แล้ว เพราะเชื่อว่า เราทุกคนสามารถเลือกเส้นทางชีวิตที่ดีได้ ตอนนี้หนูจึงโฟกัสแค่ปัจจุบัน และอดทนเพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเองให้ดีขึ้นค่ะ”
หลักสูตรระยะสั้นเพื่อสร้างอาชีพ หนึ่งหนทางแห่งการอยู่รอด
“หนูมองว่าการเลือกเรียนระยะสั้นเพื่อสร้างอาชีพ มันทำให้เราอยู่รอดเพราะมีงานรองรับเลย แต่ก็ต้องศึกษาแต่ละสถาบันให้ดีก่อน ว่าเขามีการการันตีจริงไหม
อย่างที่หนูเลือกเรียนผู้ช่วยพยาบาลที่มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราชนี้ เพราะเขาได้การรับรองหลักสูตรประกาศนียบัตรผู้ช่วยพยาบาลจากสภาการพยาบาล จึงมีความน่าเชื่อถือพอสมควร นอกจากนี้ ก่อนจะเลือกเรียนที่ไหน การศึกษาหาข้อมูลอย่างเดียวคงไม่พอ ควรไปสำรวจสถาบันนั้น ๆ ด้วยตัวเอง เพื่อไปดูบรรยากาศโดยรวมและไปสอบถามเพื่อน ๆ พี่ ๆ ที่เรียนว่า มีงานรองรับจริงไหม หลักสูตรการเรียนเป็นยังไง เพราะถ้าเราสอบถามความเห็นจากผู้เรียนโดยตรง เราจะได้รับข้อมูลที่จริงด้วยค่ะ”
หลักสูตรระยะสั้นเพื่อสร้างอาชีพ หนึ่งหนทางแห่งการอยู่รอด
“หนูมองว่าการเลือกเรียนระยะสั้นเพื่อสร้างอาชีพ มันทำให้เราอยู่รอดเพราะมีงานรองรับเลย แต่ก็ต้องศึกษาแต่ละสถาบันให้ดีก่อน ว่าเขามีการการันตีจริงไหม อย่างที่หนูเลือกเรียนผู้ช่วยพยาบาลที่มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราชนี้ เพราะเขาได้การรับรองหลักสูตรประกาศนียบัตรผู้ช่วยพยาบาลจากสภาการพยาบาล จึงมีความน่าเชื่อถือพอสมควร นอกจากนี้ ก่อนจะเลือกเรียนที่ไหน การศึกษาหาข้อมูลอย่างเดียวคงไม่พอ ควรไปสำรวจสถาบันนั้น ๆ ด้วยตัวเอง เพื่อไปดูบรรยากาศโดยรวมและไปสอบถามเพื่อน ๆ พี่ ๆ ที่เรียนว่า มีงานรองรับจริงไหม หลักสูตรการเรียนเป็นยังไง เพราะถ้าเราสอบถามความเห็นจากผู้เรียนโดยตรง เราจะได้รับข้อมูลที่จริงด้วยค่ะ”
‘ผู้ช่วยพยาบาล’ อาชีพที่ไม่อดตาย เพราะใคร ๆ ก็ต้องการ
“ตอนนี้ หนูยังมีความสุขกับสิ่งที่ทำ นั่นคือ การเป็นผู้ช่วยพยาบาล และหนูมองว่า คนที่อยู่ในสายอาชีพนี้ ยังไงก็ไม่อดตาย เพราะจากข้อมูลที่รู้มาเฉพาะโรงพยาบาล
ในกรุงเทพฯ ผู้ช่วยพยาบาล เป็นอาชีพที่ขาดแคลนอย่างมากเมื่อเปรียบเทียบกับความต้องการในปัจจุบัน ฉะนั้น หากใครที่คิดจะลองเรียนหลักสูตรระยะสั้น การเลือกเรียนด้าน
ผู้ช่วยพยาบาลก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจค่ะ”
‘ผู้ช่วยพยาบาล’ อาชีพที่ไม่อดตาย เพราะใคร ๆ ก็ต้องการ
“ตอนนี้ หนูยังมีความสุขกับสิ่งที่ทำ นั่นคือ การเป็นผู้ช่วยพยาบาล และหนูมองว่า คนที่อยู่ในสายอาชีพนี้ ยังไงก็ไม่อดตาย เพราะจากข้อมูลที่รู้มาเฉพาะโรงพยาบาลในกรุงเทพฯ ผู้ช่วยพยาบาล เป็นอาชีพที่ขาดแคลนอย่างมากเมื่อเปรียบเทียบกับความต้องการในปัจจุบัน ฉะนั้น หากใครที่คิดจะลองเรียนหลักสูตรระยะสั้น การเลือกเรียนด้านผู้ช่วยพยาบาลก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจค่ะ”