อาณัติ มานพ (ณัติ)

นิติกรปฏิบัติการแผนกส่วนบริหารจัดการคดีหน่วยงานศาลอุทธรณ์
นิติกรหนุ่มผู้พลิกชะตาชีวิตตัวเองจากก้อนดินสู่ดวงดาว

      เส้นทางชีวิตของผู้ชายคนหนึ่งที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่หากเป็นอุปสรรคขวากหนามที่เต็มไปด้วยความยากลำบากตั้งแต่เล็ก ถูกพ่อทอดทิ้งไปตั้งแต่ยังแบเบาะ เติบโตมาด้วยน้ำข้าวเพราะแม่ไม่มีเงินที่จะซื้อนมให้กิน ความยากจนทำให้ต้องอดมื้อกินมื้อ มีบ่อยครั้งที่ต้องกินข้าวคลุกกับน้ำปลา ชีวิตลุ่ม ๆ ดอน ๆ ต้องทำงานสารพัดตั้งแต่เดินขายมะม่วงตามบาร์เบียร์หลังเลิกเรียน พนักงานร้านสะดวกซื้อ พนักงานเสิร์ฟ เป็นลูกจ้างเก็บขยะ เสมียน รปภ. ฯลฯ ทำทุกอย่างที่ทำได้ที่เป็นงานสุจริตเพื่อให้ได้เงิน ด้วยความใฝ่ดีและต้องการมีชีวิตที่ดีกว่าเดิมเพื่อให้แม่ไม่ต้องลำบากอีกต่อไป เขามุ่งมั่นทำงาน และตั้งใจร่ำเรียนหนังสือฝ่าฟัน ความยากเข็ญนานาในชีวิต จนกระทั่งสามารถผลักดันตัวเองจนเรียนจบนิติศาสตรบัณฑิต และสอบผ่านเนติบัณฑิตได้เป็นนิติกรที่รอวันก้าวขึ้นเป็นอัยการ นี่คือ เส้นทางชีวิตพลิกผันจากดินสู่ดาวของ ณัติ-อาณัติ มานพ นิติกรปฏิบัติการ แผนกส่วนบริหารจัดการคดี หน่วยงานศาลอุทธรณ์

ชีวิตไม่เคยรู้จักกับคำว่าสบาย

      ณัติ เกิดที่จังหวัดอุดรธานี พ่อทิ้งไปตั้งแต่ณัติยังเด็ก แม่จึงรับหน้าที่เป็นทั้งพ่อและแม่ เลี้ยงดูณัติด้วยการประกอบอาชีพคนงานก่อสร้างเป็นงานและภาระที่หนักมากสำหรับผู้หญิงคนนึง ตอนเล็ก ๆ แม่พาณัติย้ายไปอยู่ที่จังหวัดตราดเพราะไปทำงานก่อสร้างที่นั่น แม่ฝากณัติเอาไว้กับยายคนหนึ่งช่วยดูแลเวลาที่แม่ไปทำงาน ซึ่งยายเองก็มีฐานะยากจน อาศัยอยู่ในขนำหลังน้อยที่พอบังแดดบังฝนได้ เวลามีงานที่วัดยายจะไปรับจ้างล้างจานแล้วพาณัติไปด้วยเพื่อจะได้กินข้าววัด

      ณัติอยู่ที่จังหวัดตราดจนถึงชั้นประถมปีที่ 3 ก็ย้ายตามแม่ไปอยู่พัทยา แม่ทำงานก่อสร้างอยู่สักพักก็เลิกทำเพราะร่างกายแบกหามไม่ไหวจึงหันมาเดินขายมะม่วง หลังเลิกเรียนณัติจะไปช่วยแม่เดินขายตามบาร์เบียร์ต่าง ๆ ตั้งแต่พัทยาเหนือ พัทยากลาง ไปจนถึงพัทยาใต้ ณัติช่วยแม่ขายมะม่วงจนจบ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 พอขึ้นมัธยมต้นณัติไปสมัครทำงานที่ร้านสะดวกซื้อเป็นเด็กจัดเรียงสินค้า ณัติไม่เคยมีความฝันว่าอยากได้ของเล่นอะไรเหมือนเด็กคนอื่น เขามีเพียงแค่ความคิดว่าจะช่วยแบ่งเบา ภาระแม่ได้อย่างไรบ้าง จะทำอย่างไรให้มีชีวิตที่ดีกว่านี้เพื่อให้แม่สบายไม่ต้องลำบากอย่างนี้

“ผมทำงานตั้งแต่เด็กชีวิตไม่เคยรู้จักคำว่าสบาย ทำงานหลายอย่างจนจำแทบไม่หมด
แต่ที่ทำนานที่สุดคือตอนเดินขายมะม่วง ตอนนั้นแม่ไม่ได้เอ่ยปากขอให้ช่วยนะครับแต่ผมอยากทำเอง เพราะเห็นแม่เดินคนเดียว เห็นแม่เหน็ดเหนื่อยในทุกวันจึงอยากช่วยแบ่งเบาความเหนื่อยยากนั้น
ผมไม่ได้ใช้ชีวิตเหมือนเด็กวัยรุ่นคนอื่นเพราะไม่มีเงินจะไปเที่ยวเล่นหรือซื้อของฟุ่มเฟือย
ในทุกวันหลังเลิกเรียนผมจึงมุ่งมั่นทำงานเพื่อหาเงินเพื่อเลี้ยงปากท้องเพียงอย่างเดียว
มีเพื่อนหลายคนสูบบุหรี่ดื่มเหล้า แต่ผมไม่เคยข้องเกี่ยวด้วยเลย เพราะผมคิดเสมอว่าเงินทองเป็น
ของมีค่าและหามาด้วยความยากลำบากสู้เอาเงินไปซื้อข้าวกินกับแม่ยังดีกว่ากินอิ่มได้ตั้งหลายมื้อ ตั้งแต่เด็กผมมีความฝันเพียงอย่างเดียวคืออยากมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่านี้
อยากให้แม่ได้สบายบ้าง เพราะท่านหนื่อยเพื่อผมมานานมากแล้ว”

พลิกชะตาชีวิตผลักดันตัวเองสู่เส้นทางนิติกร

      เมื่อจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ณัติเริ่มทำงานอีกหลายอย่างตั้งแต่เป็นพนักงานเสิร์ฟ เป็นลูกจ้างเก็บขยะ ด้วยความใฝ่เรียนและอยากมีอนาคตที่ดีเป็นแรงผลักดัน ณัติจึงลงเรียนที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงโดยเลือกเรียนคณะนิติศาสตร์ ช่วงชีวิตที่ลำบากที่สุดเป็นตอนที่ณัติต้องทำงานสองอย่างควบคู่การเรียนไปด้วย คือตอนกลางคืนเป็นรปภ. ตั้งแต่ 1 ทุ่มถึง 6 โมงเช้า แล้วไปทำงานเป็นเสมียนทำบัญชีต่อตั้งแต่บ่ายถึงเย็น แต่ละวันได้นอนไม่กี่ชั่วโมงทำให้มีเวลาอ่านหนังสือน้อย เวลาไปสอบนั่งรถบัสบขส.จากพัทยาเข้ามาในกรุงเทพฯ เข้าสอบไม่ทันอยู่บ่อยครั้งทำให้ตกหลายวิชา หนำซ้ำยังถูกไล่ออกจากงาน รปภ. เพราะเขาเอาเวลางานมานั่งอ่านหนังสือ ถือเป็นอุปสรรค ในการพิสูจน์ความแข็งแกร่งของชีวิต

“เพราะผมไม่มีเงินแถมยังต้องเรียนไปด้วย ทำงานไปด้วยจึงเลือกเรียนมหาวิทยาลัยรามคำแหง ตอนแรกคิดแค่ว่าเรียนอะไรก็ได้เพราะผมแค่คิดว่าจะนำวุฒิฯ ไปสมัครงาน แต่พอมีคนแนะนำว่าเรียนนิติศาสตร์จบมาสามารถทำงานได้หลายอย่างผมก็เลยเลือกเรียนคณะนี้ ตอนนั้นทำงานหนักมากสภาพร่างกายผอมแห้งตัวดำ ขี่มอเตอร์ไซด์ ไปทำงานยังถูกตำรวจเรียกตรวจปัสสาวะเลยเพราะสภาพเหมือนคนเสพยา ผอมเพราะกินน้อยและที่สำคัญ ไม่ค่อยมีกินด้วย จำได้ว่าบางวันต้องแบ่งข้าวเหนียวหนึ่งปั้นไว้กินสองมื้อ ผมได้หยุดทุกวันอาทิตย์ เท่ากับว่ามีเวลาอ่านหนังสือแค่สี่วันต่อเดือน การสอบตกได้ F จึงเป็นเรื่องปกติ แต่ผมไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคหรอก จึงเลือกที่จะสู้ไม่ถอย เพราะผมคิดเสมอว่าความสำเร็จต้องแลกมาด้วยความพยายาม”

      หลังจากนั้นณัติเปลี่ยนงานใหม่เป็นผู้ช่วยทันตแพทย์ที่โรงพยาบาล ผู้ช่วยฝ่ายบุคคล คนงานทั่วไปของเทศบาล เพราะได้หยุดวันเสาร์-อาทิตย์ทำให้มีเวลาอ่านหนังสือท่องจำตัวบทกฎหมายได้มากขึ้น ด้วยความมานะ อดทน ทำให้ณัติเรียนจบนิติศาสตร์ติบัณฑิตในเวลา 4 ปี และสอบผ่านเนติบัณฑิตได้ในเวลาต่อมาสร้างความภาคภูมิใจ ให้แม่และตัวเองเป็นอย่างมากจากเด็กคนนึงที่ไม่มีอนาคต ปัจจุบันเขาทำงานป็นนิติกรปฏิบัติการ แผนกส่วนบริหารจัดการคดี หน่วยงานศาลอุทธรณ์ เก็บเกี่ยวประสบการณ์เป็นนิติกรข้าราชการเพื่อก้าวสู่ตำแหน่งอัยการ อาชีพ อันทรงเกียรติของคนเรียนกฏหมาย

การอ่านเปลี่ยนชีวิต สร้างมุมมองความคิดด้วยหลักธรรม

ณัติดำเนินชีวิตโดยมีธรรมะเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจมาโดยตลอด เพราะตั้งแต่เด็ก ๆ ในช่วงปิดเทอม แม่ให้ณัติบวชเณรภาคฤดูร้อนทุกปีเพื่อศึกษาเรียนรู้พระพุทธศาสนา และ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายเรียกว่าโตมากับข้าววัดเลยก็ได้ จึงทำให้ณัติได้อ่านหนังสือพระธรรมคำสอนอยู่เป็นประจำทำให้ซึมซับและนำมาปรับใช้ในการดำเนินชีวิต ทำให้มุมมองความคิด ในการรับมือกับปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้อย่างมีสติ มองว่าเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิต แม้ว่าจะเติบโตมาจากครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์ ต้องต่อสู้ดิ้นรนเพื่อเอาตัวรอด ชีวิต ต้องผ่านความเหนื่อยยากมามากแค่ไหนก็ตามณัติไม่เคยมองว่ามันเป็นปมด้อยของชีวิต เพราะเขาเลือกที่จะมองคนอื่นที่ลำบากมากกว่าอย่างคนแก่ๆ ที่เดินคุ้ยถังขยะ เอาขยะมาขายประทังชีวิต คนพวกนี้ลำบากกว่าเขาอีก และไม่เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนที่เขาดีกว่าให้ตัวเองเป็นทุกข์ ใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบัน ขอแค่มีข้าวกินได้อยู่กับแม่แค่นี้ก็อิ่มท้องและมีความสุขมากแล้ว

หากวันนี้ชีวิตตกต่ำ ให้เงยหน้ามองฟ้า หากวันนี้อยู่สูงเสียดฟ้า ให้ก้มหน้ามองดิน เป็นประโยคในหนังสือธรรมะที่ผมอ่านแล้วชื่นชอบ
แล้วนำมาเตือนใจตัวเองอยู่เสมอทำให้ผมแทบจะไม่เคยคิดลบเลย ไม่ได้เคยรู้สึกว่าชีวิตของตัวเองลำบาก ผมกลับมองมันเป็นเรื่องปกติ
แต่ถามว่าชีวิตที่ผ่านมาเหนื่อยไหม ต้องยอมรับว่าเหนื่อยมากแต่มันก็เป็นความเหนื่อยแค่กายแต่ไม่ได้ทุกข์ใจตามไปด้วย
เพราะการอ่านทำให้ผมมีอาวุธทางความคิดทำให้เราเลือกที่จะมองอีกทิศ คิดอีกมุมเพื่อที่จะสร้างพลังบวกในการขับเคลื่อนชีวิตให้ไปสู่ความสำเร็จ”

เดินทีละก้าวจากดินสู่ดาว ก้าวสู่ความสำเร็จ

      แนวคิดที่ทำให้ณัติประสบความสำเร็จมาไกลเกินกว่าที่คาดหวังไว้แต่แรกคือการค่อยๆ เดินที่ละก้าว แต่เป็นทุกย่างก้าวที่มั่นคง และตั้งใจทำมันให้ดีที่สุด ณัติมีเป้าหมายว่าอยากทำงานที่หาเลี้ยงตัวเองและแม่ให้ได้ เมื่อมีเป้าหมายที่ชัดเจนแล้วจึงค่อย ๆ ทำอย่างมุ่งมั่นไม่ย่อท้อและเชื่อเสมอว่าไม่มีอะไรเกินความสามารถ หมั่นตรวจสอบว่าตัวเองมีจุดบกพร่องตรงไหนแล้วนำมาปรับปรุงพัฒนาส่วนนั้นให้ดียิ่งขึ้น และแสวงหาโอกาสใหม่ ๆ อยู่เสมอเพื่อพาตัวเองไปสู้เป้าหมายที่วางไว้ รวมถึงยินดีแบ่งปันเรื่องราวชีวิตของตนเองเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนอื่นๆได้มีกำลังใจในการต่อสู้ชีวิตในยามท้อใจ

เดินทีละก้าวจากดินสู่ดาว ก้าวสู่ความสำเร็จ

“ชีวิตผมมันเริ่มจากศูนย์ จากคนที่ไม่มีอะไรเลย
จนวันนี้ผมถือว่าตัวเองประสบความแล้วในระดับหนึ่ง
ต้องขอบคุณความมุ่งมั่นพยายามของตัวเองที่เป็นพลังบวกอันยิ่งใหญ่
ที่เป็นแรงผลักดันให้เด็กธรรมดาคนนึงที่ไม่ได้เกิดมาเพียบพร้อมสมบูรณ์
ได้มีโอกาสก้าวเดินไปสู่เป้าหมายชีวิตที่ต้องการ ตอนนี้ผมยังมีความฝัน
ที่จะเป็นอัยการให้ได้ ผมคิดว่าชีวิตคนเราต้องก้าวไปข้างหน้าเราต้องอยู่
ด้วยความหวังและความฝันเพื่อหล่อเลี้ยงหัวใจให้ยืนหยัดต่อสู้ต่อไป
เพราะอุปสรรคอาจทำให้เราเดินลำบาก แต่ไม่ได้หมายความว่า
เราจะผ่านมันไปไม่ได้ และผมก็ผ่านมันมาแล้ว เชื่อว่าทุกคนที่กำลังเผชิญ
ปัญหาที่ถาโถมอยู่ หากมีความตั้งใจจริงก็จะสามารถก้าวผ่าน

ความยากลำบากไปสู่ความสำเร็จได้เช่นกัน ขอปลุกใจและเป็นกำลัง
ใจให้ทุกคนลุกขึ้นมาสู้ชีวิตด้วยกันนะครับ”

Credit
https://voicetv.co.th/read/J21Am8dM8
https://www.thairath.co.th/news/society/1522038