คุณเฉลิมพล วัฒนวงศ์ตระกูล (คุณเหลิม)
Senior Animator ที่ Sony Pictures Imageworks
แอนิเมเตอร์ผู้อยู่เบื้องหลังงานระดับโลก
(The Lion King, Avengers: Infinity War, Spiderman Across The Spider verse)
‘ถ้าเชื่อว่า เราทำได้ เราก็ทำได้’ อาจเป็นคำพูดที่ได้ยินดาษดื่น แต่ต้องยอมรับว่ามันเป็นเรื่องจริง สำหรับผู้ที่มีใจแข็งแกร่ง ศรัทธาและเชื่อมั่นตนเอง เช่นเดียวกับคุณเฉลิมพลวัฒนวงศ์ตระกูล (คุณเหลิม) SENIOR ANIMATOR ที่ SONY PICTURES IMAGEWORKS ที่เส้นทางชีวิตของเขา
น่าสนใจ และเชื่อว่ามันสามารถปลุกแรงบันดาลใจให้ใครหลายคน จากจุดเริ่มต้นการเรียนด้านฟิสิกส์แล้วหันเหมาสู่เส้นทางแอนิเมชันเพราะหลงใหลในตัวละครการ์ตูนตั้งแต่เด็ก
แม้เรียนไม่ตรงสาย แต่ด้วยความมุ่งมั่นและหัวใจที่ไม่ยอมแพ้ การเปิดใจความกล้าที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ สุดท้าย เขาก็สามารถหยัดยืนอยู่รอดได้ในฐานะแอนิเมเตอร์ไทยที่อยู่เบื้องหลังภาพยนตร์ระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น THE LION KING, AVENGERS: INFINITY WAR, SPIDERMAN ACROSS THE SPIDER VERSE และ MALEFICENT ภาค 2 เป็นคนต้นแบบของการเรียนรู้เพื่ออยู่รอดได้จริงในสังคม
จากนักศึกษาสาขาฟิสิกส์ สู่การเป็นนัก (หัด) เรียนแอนิเมชัน
ในวัยเด็ก เราทุกคนต่างต้องเคยดูการ์ตูน เพราะเป็นสื่อบันเทิงที่มีอิทธิพล สามารถปล่อยให้เด็กได้จินตนาการอย่างไม่สิ้นสุด เช่นเดียวกับคุณเหลิมที่ตอนแรกก็ดูการ์ตูน เพื่อความเพลิดเพลินนานวันเข้ากลายเป็นชอบ และหลงใหลอยากเป็นส่วนหนึ่งของการ์ตูนเหล่านั้น
คุณเหลิมชื่นชอบดูการ์ตูนทั้งในรูปแบบหนังสือและภาพยนตร์ จนกระทั่งเขาเรียนระดับมหาวิทยาลัยสาขาฟิสิกส์ ของ สถาบันทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
เขามีความชอบที่จริงจังขึ้น ถึงขั้นหาเวลาว่างมาเรียนรู้ด้วยตัวเองกับโปรแกรมต่าง ๆ
ด้านการทำแอนิเมชัน โดยไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าสิ่งที่ทำจะเป็นอาชีพได้ไหม รู้แค่เพียงว่า เขามีความสุขเพราะใจชอบใฝ่เรียนรู้ จนสามารถนำทักษะนี้มาใช้ในการเรียนเวลาต้องทำพรีเซนเทชั่นส่งงานอาจารย์ พอเพื่อน ๆ และอาจารย์เล็งเห็นความสามารถพิเศษ จึงเริ่มจ้างวาน จนกลายเป็นว่า
คุณเหลิมสามารถนำการเรียนรู้นอกห้องเรียนนี้มาสร้างรายได้เลี้ยงชีพและนำไปจ่ายค่าเทอม
ของปีสุดท้ายในระดับมหาวิทยาลัยได้อีกด้วย
“ช่วงที่ผมเรียนมหาฯลัย หนังทรานส์ฟอร์มเมอร์ส ของ ไมเคิล เบย์ เข้าฉาย พอดี หลังจากที่ผมดูจบแล้ว ผมหลงใหลในตัวละครที่ดูเท่ จนพยายามศึกษาพวกเบื้องหลังการทำงานของหนังพร้อมฝึกฝนฝีมือไปด้วยและคิดว่าสักวันหนึ่งจะเข้าไปอยู่ในวงการแอนิเมชันให้ได้”
เปลี่ยนความชอบ เป็นอาชีพ เพื่อพิสูจน์ว่าความฝันสามารถทำให้เป็นจริงได้
คุณเหลิมอ่านอัพตทข่าวสารในวงการแอนิมชันอย่างต่อเนื่อง จนวันหนึ่ง เขาเจอบทความของคุณตุลย์ วีรภัทร ชินะนาวิน แอนิเมเตอร์ไทยที่เคยมีโอกาสทำงานหลายบริษัทชั้นนำระดับโลก
กลับไทยมาช่วยคุณจั้ก สุภณวิชญ์ สมสมาน ที่บริษัท THE MONK STUDIO ซึ่งขณะนั้นได้ผุดโปรเจกต์ ANIMATION APPRENTICE ที่เปิดรับสมัครสำหรับคนที่สนใจอยากร่วมงานและเรียนรู้ด้านแอนิเมชัน คุณเหลิมเห็นแล้วถึงขั้นยอมปฏิเสธงานด้านวิทยาศาสตร์ไปหลายงานเพื่อที่จะใช้เวลาทุ่มเทไปกับการทำพอร์ตโฟลิโอ“
ผมรู้ว่าตัวองจบไม่ตรงสาย จึงต้องพยายาบให้มากกว่าคนอื่น ผมทำพอร์ตโฟลิโอวันละ 14 ชั่วโมงใส่ความอึดและทนเข้าไปในงาน เพื่อให้มันออกมาดีที่สุด และสุดท้ายผมก็เป็น 1 ใน 4 คนที่ผ่านการคัดเลือก ซึ่งผมเป็นคนเดียวที่ไม่ได้เรียนตรงสาย ได้เข้าไปทำงานที่ THE MONK STUDIOS นั่นจึงเป็นจุดริ่มต้นในการเข้าสู่วงการแอนิเมชันตั้งแต่วันนั้นครับ” แต่การจะไปให้ถึงฝันไม่ใช่เรื่องง่าย
เพราะเมื่อเวลาผ่านไปครบ 1 เดือน คุณเหลิมถูกเรียกไปคุยและพบว่าตัวเองไม่ผ่านการฝึก แต่ตอนนั้น พวกพี่ ๆ เห็นถึงความพยายาม มุ่งมั่นตั้งใจแบบไม่ยอมแพ้ จึงให้โอกาสอีกหนึ่งเดือน เพื่อให้
คุณเหลิมได้พิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง
แม้คุณเหลิมใช้เวลาฝึกงานนานกว่าคนที่เข้ารอบพร้อมกัน แต่เขาก็พยายามเต็มที่กว่าเดิม ปลดปล่อยความขยันที่สุดเท่าที่มี จนได้รับโอกาสยืดเวลาต่อไปให้อีก จนกระทั่ง รู้ตัวอีกที ก็ผ่านมา
5 เดือน ที่คุณเหลิมสามารถบรรจุเป็นพนักงานประจำ ตำแหน่งแอนิเมเตอร์ ของ THE MONK STUDIO ได้สำเร็จ
อีกหนึ่งจุดเปลี่ยนของชีวิต คือ การเข้าแข่งขันแอนิเมชันระดับสากล
ตลอดระยะเวลาการอยู่ในส้นทางแห่งฝัน คุณหลิมไม่เคยหยุดพัฒนาตัวเอง จนวันหนึ่ง เขาดูเว็บไซต์ 11SECONDCLUB.COM เป็นเว็บที่แอนิเมเตอร์ทั่วโลกจะมาร่วมแข่งกันทุกเดือน โดยทางทีมจะสร้างโจทย์ด้วยการปล่อยเสียงภายในเวลา 11 วินาที พื่อให้แอนิมเตอร์นำเสียงเหล่านั้นมาออกแบบเป็นการ์ตูนแอนิเมชัน หากใครชนะจะได้รับการชื่นชมและคอมเมนต์จากแอนิมเตอร์บริษัทชั้นนำของโลก และตอนนั้น มีคนไทยคนเดียวที่ชนะเลิศก็คือ คุณตุลย์ ผู้ที่เป็นอาจารย์ให้ความรู้แก่คุณเหลิมมาก่อน แม้เขาจะรู้ว่าตัวเองยังไม่เก่ง แต่ก็อยากท้ทายศักยภาพตัวเองจึงแบ่งเวลาจากการทำงานประจำพื่อทำผลงานส่งประกวด และแล้วคุณเหลิมก็ทำสำเร็จสามารถคว้าอันดับ 1 ด้วยคะแนนที่เป็นเอกฉันท์และได้รับคำชมล้นหลามจากแอนิเมเตอร์หลากหลายประเทศทั่วโลก
“ผมดีใจที่ความมุ่งมั่นพยายามทำมาตลอดมันเห็นผล จนทำให้ผู้คนเริ่มยอมรับในความสามารถของผมมากขึ้นด้วยครับ”
ฝากฝีไม้ลายมือ กับภาพยนตร์ ‘9 ศาสตรา’ ก่อนไปเติบโตต่างประเทศ
เมื่อถึงจุดหนึ่ง คุณเหลิมออกจาก THE MONK STUDIO แลแม้เขาจะย้ายงานไปบริษัทไหนก็ตาม คุณเหลิมไม่เคยหยุดพัฒนาฝีมือตัวเอง เพราะคิดว่าตนเองยังห่างไกลจากความป็นสากล แต่เขาก็ขอบคุณทุกช่วงเวลาของชีวิต และทุกสังคมที่ได้เรียนรู้ รับประสบการณ์ารทำงาน แลวิธีคิดในแบบทั้งคนไทยและต่างชาติ จนสามารถนำมาประยุกต์ให้เป็นสไตล์ขาได้อย่างกลมกล่อม และจุดเปลี่ยนได้เกิดขึ้นกับคุณหลิมอีกครั้ง เมื่อคุณตุลย์อยากให้เขาไปแนะนำตัวกับคุณณัฐ ผู้ก่อตั้ง IGLOO STUDIO และยังเป็นผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง 9 ศาสตรา กำลังมองหาแอนิเมตอร์มาช่วยดูแลภาพยนตร์
เรื่องนี้
“ผมตัดสินใจทำหนัง 9 ศาสตรา ทันทีหลังจากได้ฟังคอนซ็ปต์ ผมรู้สึกว่า เรื่องราวของหนังมันเติมเต็มจิตวิญญาณให้ผมจนรู้สึกอยากทำมาก ถึงขั้นตกปากรับคำในวันแรกที่เห็นงานเลย
เพราะอยากทำให้หนังไทยเรื่องนี้ดังไกลระดับโลก หลังจากได้ร่วมงานกันกับพี่ณัฐ เขาคือคนสำคัญที่ทำให้ผมเข้าใจการทำแอนิเมชันมากกว่าเดิม เขาสอนให้ผมรู้จักถ่ายทอดอารมณ์ และสร้างตัวละครให้มีความรู้สึก มีหัวใจมากกว่าจะทำภาพเคลื่อนไหวที่ออกมาสวยแต่ดูแล้วไร้ชีวิต”
ความสำเร็จ ที่มาจากความพยายามในการเรียนรู้ไม่ลดละและจังหวะของชีวิต
ตลอดระยะเวลา 6 ปีที่โลดแล่นอยู่ในวงการแอนิเมชันไทย ขาสามารสร้างชื่อเสียงให้ตนเองและได้รับการยอมรับจนกลายเป็นแอนิเมเตอร์เบอร์ต้น ๆ ของประเทศแต่วันหนึ่งขณะที่กำลังพูดคุยกับ
พี่วัท รุ่นพี่ที่นับถือ เขาเห็นสิ่งที่คุณเหลิมทำมาตลอด จึงแนะนำให้คุณเหลิมลองสมัครงานที่ต่างประเทศดู เพราะคุณเหลิมมีความสามารถที่จะยกระดับไปสู่สากลได้แล้ว
จากคำพูดปลุกแรงบันดาลใจของพี่วัทวันนั้น จึงทำให้คุณเหลิมคิดว่า ถึงเวลาพาตัวเองไปเรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ ๆ ไปเติบโตที่ต่างประเทศ แม้มีเป้าหมายชัดเจนว่าจะมุ่งไปทางไหน แต่ชีวิตไม่ง่ายเสมอไป เมื่อตอนยื่นใบสมัครงานไปยังบริษัทต่าง ๆ ที่ต่างประเทศ เขาโดนปฏิเสธหมด รวมแล้วกว่า 100 ครั้ง
ในเมื่อจังหวะยังไม่ใช่ เขาก็ได้แต่บอกตัวเองว่าต้องมุ่งมั่นพัฒนาฝีมือต่อไป จนวันหนึ่ง มีผู้บริหารระดับสูงของบริษัทแอนิเมชันของประเทศญี่ปุ่นมาเยี่ยมตามบริษัทแอนิเมชันในไทย ช่วงนั้น
คุณเหลิมได้เจอผู้บริหารชาวญี่ปุ่นท่านหนึ่ง จึงมีโอกาสได้เข้าไปพูดคุยและรู้มาว่า บริษัทนี้ ทำหนังที่คุณเหลิมชื่นชอบจึงทำให้ผู้บริหารประทับใจและบวกกับคุยกันถูกคอ คุณเหลิมจึงขอให้เขาช่วย
ดูผลงาน และคำตอบของเขาทำให้คุณเหลิมมีไฟยิ่งขึ้น ‘ถ้าคุณไปสมัครงานที่ญี่ปุ่นนะ รับรองว่ามีแต่คนต้องการตัวคุณ’ กลับบ้านมาคุณเหลิมทำตามคำกล่าว และมันก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ ทุกบริษัท
ที่เขาส่งผลงานไปตอบรับหมด และสุดท้าย เขาตัดสินใจเลือกทำที่บริษัท POLYCON PICTURES ประเทศญี่ปุ่น
“ผมได้เรียนรู้อะไรมากมายจากที่ญี่ปุ่น แต่ลึก ๆ ในใจผมยังมีเป้าหมายที่ผมอยากไป คือ การได้เป็นส่วนร่วมในหนังของค่ายมาร์เวล ผมจึงใช้เวลาว่างนั่งทำ Demo Reel (วิดีโอสั้นที่แสดงผลงาน) และโพสต์ผลงานตามแพลตฟอร์มต่าง ๆ ที่คนในวงการรู้จักดี ไม่นาน ก็มีคนจากบริษัท Framestore ที่มอนทรีออล ประเทศแคนาดา ติดต่อมาหาผม ตอนนั้นผมคิดว่า ฝันผมเป็นจริงแล้ว”
คุณเหลิมตัดสินใจลาออกจากบริษัทที่ญี่ปุ่น เพื่อหวังจะไปทำงานที่ประเทศแคนาดา ทุกอย่างเหมือนจะไปได้สวย แต่ทว่า โชคชะตาได้ส่งบททดสอบให้ชีวิตเขาอีกครั้ง เนื่องด้วยตอนนั้นมีการเปลี่ยนผ่านประธานาธิบดี และประเทศแคนาดาได้เข้มงวดกับคนที่จะเข้าไปทำงานในประเทศมากขึ้น ทำให้คุณเหลิมต้องรอวีซ่าราว 8 เดือน และก็ไร้วี่แววการติดต่อกลับ ช่วงเวลานั้น เขาเต็มไปด้วยความกดดัน และทำใจว่า คงไม่ได้แล้ว ขณะที่กำลังจะตัดสินใจหางานใหม่ ประจวบเหมาะกับตอนนั้น Marza Animation Planet บริษัทจากญี่ปุ่น ชักชวนให้ไปทำงานพอดี
แต่ทว่า หลังจากที่เขากลับไปทำงานที่บริษัทญี่ปุ่นได้ไม่นาน ชีวิตก็เจอจุดเปลี่ยนอีกครั้ง เมื่อบริษัท Framestore สาขา London ประเทศอังกฤษ เห็นประวัติและทราบข้อมูลเรื่องปัญหาการติดวีซ่าที่ประเทศแคนาดา จึงชักชวนให้มาทำงานที่ประเทศอังกฤษ หลังจากคุยรายละเอียดต่าง ๆ ลงตัว คุณเหลิมก็ได้เข้าทำงานที่บริษัทนี้เป็นผลสำเร็จ
ถือว่า ครั้งนี้เป็นจุดเปลี่ยนครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต เพราะคุณเหลิมได้ทำภาพยนตร์ของค่ายมาร์เวลตามที่ฝันไว้ได้สำเร็จ ในเรื่อง Avengers: Infinity War
“การได้เข้ามาทำงานที่นี่มันเป็นอะไรที่ยิ่งกว่าฝันอีกครับ ความเหน็ดเหนื่อย ความผิดหวัง เสียใจ ไปจนถึง การทำงานที่ต้องใช้ทำความพยายามมากกว่าคนอื่น สิ่งที่ผมทำมาตลอด 4-5 ปีนี้ มันผลิดอกออกผลแล้ว
ผมได้มีชื่อและนามสกุลของตัวเองอยู่ในท้ายเครดิตของภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์สมดั่งที่ตั้งใจ”
เอาชนะความล้มเหลว ด้วยใจไม่ยอมแพ้
“เวลาผมเจออุปสรรค หรือ เจอความล้มเหลว ผมจะคิดด้วยเหตุผลว่ามันเกิดจากผม หรือ เพราะปัจจัยอื่น จากนั้น ผมจะหาทางแก้ไขที่เหมาะสมเพื่อไม่ให้มันเกิดการผิดพลาดขึ้นอีก แต่โดยนิสัย ผมไม่ยอมแพ้ หรือ อ่อนไหวต่อสิ่งรอบตัวอะไรง่าย ๆ ผมจึงไม่เคยย่อท้อต่อปัญหาและอุปสรรค ส่วนหนึ่งอาจมาจากการฝึกความอดทน ตามทฤษฎีผักหวาน ที่คุณแม่เคยบอก มันเป็นการเปรียบเปรย กับ ผักหวานที่เป็นพืชชนิดหนึ่งซึ่งโตช้ากว่าพืชทั่วไป ทำให้คนที่ปลูกหลายคนมักถอดใจ แต่หากเราดูแลมันอย่างดี และอดทนรอสักหน่อย มันจะคุ้มค่ากับการรอคอย เพราะเมื่อใดที่รากของผักหวานหยั่งลึกลงในดิน มันจะเริ่มโตขึ้นอย่างรวดเร็วและผลิใบให้เก็บเกี่ยวได้ตลอดเวลา เหมือนกับเรื่องราวของผมที่ช่วงแรกอาจจะไม่เก่ง ไม่เป็นที่ยอมรับในวงกว้าง แต่พอได้ฝึกฝนบ่อย ๆ และไม่ยอมแพ้ พอพบเจอโอกาสและจังหวะที่ใช่ มันจึงพาผมมาถึงทุกวันนี้ครับ”
ปลุกพลังบวก ด้วยทัศนคติที่ดี
มีความเข้าใจตนเอง และถ่อมตนเสมอ
ไม่ว่าเราจะทำอะไรก็ตาม คุณเหลิมบอกว่า สิ่งสำคัญเราต้องรู้จักและเข้าใจตนเองก่อนว่าเราชอบอะไรที่แท้จริง เพราะถ้าเราเข้าใจตัวเองได้เร็ว เราจะมีที่ยึดเหนี่ยวและไม่ไขว้เขวไปกับสิ่งอื่น
ได้ง่าย
ต่อมา สิ่งที่ควรพัฒนาและฝึกฝนพอ ๆ กับทักษะฮาร์ดสกิล คือทักษะ ซอฟต์สกิล เช่น ทักษะการเข้าสังคม ทักษะการปรับตัว ความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น
“ผมมองว่า หากเนื้องานเรายังไม่โดดเด่น แต่ถ้าคุณมีทักษะ ซอฟต์สกิล ผมว่ามันพอช่วยได้ อย่างตอนที่ผมอยู่ต่างประเทศ ผมพูดอังกฤษไม่เก่งเลย แต่ผมมีเพื่อนเยอะ ซึ่งน่าจะมาจากการมีซอฟต์สกิล ผมเข้าหาทุกคนด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตน มีทักษะการปรับตัวสามารถเข้ากับเพื่อมร่วมงานได้ดีจนได้รับความเชื่อถือและความจริงใจ
แต่สุดท้ายแล้ว ทั้งหมดทั้งมวล ไม่ว่าเราจะไปอยู่ที่ไหน สิ่งสำคัญที่ควรมี คือ การมีทัศนคติ
ที่ดี หรือ การมองโลกในแง่ดี เพราะผมเชื่อว่า หากเรามีความคิดบวก ก็จะดึงดูดแต่เรื่องดี ๆ
เปรียบเสมือนแม่เหล็กที่จะคอยดึงดูดสิ่งดี ๆ ที่เราคิด โอกาสดี ๆ ให้เข้ามาในชีวิตนั่นเอง”
เปลี่ยนเป้าหมายให้กลายเป็นจริง ด้วย Map & Tool
“ผมมองว่า เป้าหมาย หรือ ความฝันจะเป็นจริงได้ เราต้องมีภาพในหัวชัดเจน ผมจึงสรุปมาเป็น 2 ข้อหลัก ๆ คือ
Tool คือ เป็นเครื่องมือที่ใช้วัดผลการทำงาน หรือ เพื่อประเมินผลลัพธ์ของตัวเอง เราควรเลือกเครื่องมือทีเหมาะสมกับงานของตัวเอง เช่น การเลือกแพลตฟอร์มที่ใช่ และโพสต์ผลงานตัวเอง
ลงโซเชียลมีเดียบ่อย ๆ เพื่อดูการตอบรับจากคนภายนอก จากนั้นจะได้นำความเห็นที่เป็นประโยชน์กลับมาพัฒนาฝีมือตัวเองด้วย
ส่วน Map หรือ แผนที่ คือ การเปลี่ยนมโนภาพให้เป็นภาพชัดเจน เพราะถ้าเราไม่ร่างภาพออกมา มันจะมีแต่ความคิดในหัวที่ดูเหมือนฝัน การวาดภาพออกมาก็เพื่อให้มันเป็นสิ่งที่จับต้องได้มากขึ้น และจะได้รู้ว่า เราอยู่ตรงไหนของแผนที่ จะได้ไต่ระดับไปตามเป้าหมายที่วางไว้ได้ง่ายขึ้น
สุดท้ายแล้ว การเปลี่ยนเป้าหมายให้กลายเป็นจริง มันขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหลายอย่าง ไม่ใช่แค่ฝีมือผมเท่านั้น แต่ยังรวมถึง โชคชะตา โอกาส จังหวะชีวิต ความพยายาม ไม่ย่อท้อ ตลอดจน
การได้ทำงานกับคนที่หลากหลายทั้งทางภาษา วิธีการและความคิด ได้อยู่ในสังคมที่คอยช่วยเหลือและแนะนำในสิ่งที่ดี มีเพื่อน รุ่นพี่และครูที่ดี จึงทำให้ผมมาอยู่จุดนี้ได้ครับ”
อุตสาหกรรมแอนิเมชั่น ยังคงเติบโตต่อเนื่อง
“หากถามตัวเองแล้วว่า เรารักและสนใจในสิ่งนี้จริง ๆ ผมต้องบอกว่า อุตสาหกรรมแอนิเมชันกว้างขวาง คนที่เรียนสาขาแอนิเมชันสามารถแตกแขนงออกไปได้หลายวงการ ไม่ว่าจะเป็น ภาพยนตร์ สตูดิโอเกม สตูดิโอแอนิเมชัน นอกจากนี้ ยังสามารถต่อยอดไปได้หลายอาชีพอีกด้วย อย่างเช่น โมเดลเลอร์, แอนิเมเตอร์, นักวาดสตอรี่บอร์ด , ซีจี อาร์ทิสต์ , วิชวลเอฟเฟ็กต์ โปรดิวเซอร์ ฯลฯ ซึ่งผมมองว่า หากเราพัฒนาเทคนิคและฝีมืออย่างต่อเนื่องจนมีทักษะความเชี่ยวชาญระดับสูง ยังไงก็อยู่รอด เพราะหลายอาชีพที่เกี่ยวข้องในวงการนี้ยังเป็นที่ต้องการพอสมควร และถ้าความสามารถเราเข้าตาบริษัทชั้นนำก็ยังสามารถไปเติบโตที่ต่างประเทศได้อีกด้วย”
ตลอดระยะเวลา 15 ปีที่ คุณเหลิมทำงานอยู่ในวงการแอนิเมชั่น ทั้ง ไทย และต่างประเทศ เขาผ่านประสบการณ์หลากหลาย มีสุข ทุกข์ สนุก ตื่นเต้น ดีใจ และเสียน้ำตา แต่ด้วยผลแห่งความพยายามในการเรียนรู้อยู่เสมอ และหัวใจที่ไม่เคยยอมแพ้ จึงทำให้เขาสามารถประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ กับการมีชื่อ ‘Chalermphol Wattanawongtrakool’ ปรากฏขึ้นในท้ายเครดิตของภาพยนตร์แอนิเมชั่นโลกได้ในที่สุด
….และนี่คือคนต้นแบบของคนที่เรียนรู้เพื่ออยู่รอด สร้างรายได้ และสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ เป็นบทพิสูจน์ความสำเร็จของที่มีความฝันทุกคน