เด็กเก่ง หัวใจแกร่ง
ผู้ไม่ยอมให้ความไม่สมบูรณ์
มาเป็นอุปสรรคของชีวิต

นายชานน มงคลทวีพันธ์ (นน)
นักเรียนทุน SCG Sharing The Dream โดย มูลนิธิเอสซีจี
โรงเรียนศรีสังวาลย์ ของมูลนิธิอนุเคราะห์คนพิการ
ในพระราชูปถัมภ์ของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี จ.นนทบุรี

          น้องนนเป็นผู้พิการตั้งแต่กำเนิด มีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงต้องอยู่บนรถเข็น
พ่อกับแม่แยกทางกันตอนนนอายุได้ 2 ขวบ นนจึงอยู่กับพ่อมาโดยตลอด นนสามารถ
ดูแลตัวเองในการดำเนินชีวิตประจำวันได้ เช่นการอาบน้ำ แปรงฟัน กินข้าวเพื่อช่วยลด
ภาระของคนดูแล พ่อน้องนนทำอาชีพขับรถแท๊กซี่ ขับรถรับจ้างเพื่อหารายได้มาเป็น
ค่าใช้จ่ายภายในครอบครัวซึ่งในแต่ละเดือนรายได้มักไม่พอกับรายจ่าย ปัจจุบันน้องนนเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่โรงเรียนศรีสังวาลย์ ถึงแม้จะมีข้อจำกัดทางร่างกาย
แต่ไม่ใช่อุปสรรคในการเรียน โดยพ่อจะตื่นแต่เช้าไปส่งที่โรงเรียนและไปรับกลับในตอนเย็นเป็นประจำทุกวัน น้องนนเป็นคนขยันและตั้งใจ รู้จักใช้เวลาทุกนาทีอย่างมีค่าจนทำให้มี
ผลการเรียนที่ดีได้เกรดเฉลี่ยสามกว่าในทุกเทอม แถมยังเป็นนักกิจกรรมเป็นตัวแทนโรงเรียนไปร่วมแข่งขันต่างๆ เช่น การออกเสียง คัดลายมือ แข่งหมากรุกสากล ประเภทบกพร่องทางร่างกายจนได้รับรางวัลมากมาย อาทิ ระดับเหรียญทองชนะเลิศ การแข่งขันการเล่านิทาน/การเล่าเรื่อง งานศิลปหัตถกรรมนักเรียน ระดับชาติครั้งที่ 69 เป็นต้น สร้างความภาคภูมิใจให้กับตัวเองและครอบครัวเป็นอย่างมาก

          ที่นนเป็นคนเก่งและแกร่งแบบนี้ เพราะมีพ่อเป็นต้นแบบในการสู้ชีวิตเพราะตั้งแต่เกิดมา นนเห็นพ่อทำงานหนักทุกวันไม่เคยมีวันหยุด ทั้งทำงานหาเงิน ทั้งดูแลเขาอย่างดี
มาโดยตลอด วันหยุดของพ่อมีอยู่ไม่กี่วันที่นนเห็น คือ ถ้าไม่เจ็บป่วยจริงๆ พ่อไม่เคย
ได้หยุดทำงานเลย พ่อจึงเป็นแบบอย่างที่สำคัญที่ทำให้นนมีพลังใจก้าวเดินต่อไป
อย่างไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค น้องนนจึงขอฝากกำลังใจถึงทุกๆ คนที่กำลังประสบปัญหา
ในชีวิตอยู่ว่า

          “ผมจะไม่บอกคุณว่า ‘สู้ๆ’ เพราะผมรู้ว่าคุณสู้มาโดยตลอด ผมจะไม่บอกคุณว่า
‘ไม่เป็นไร’ เพราะผมรู้ว่ามันเป็น ถ้าเหนื่อยล้า ก็ควรพักผ่อน ถ้าอยากร้อง ก็ร้องออกมาครับ ถ้าอยากระบาย ระบายมาได้เลย ตราบใดที่ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน คุณทำมันได้ ปลดปล่อยออกมาได้เต็มที่ หลังจากนั้นขอให้คุณจำไว้นะครับว่ายังมีคนอย่างผม ที่คอยให้กำลังใจคุณอยู่ แม้เราจะไม่รู้จักกันก็ตาม มีคนอย่างผมนี่แหละ เป็นห่วงคุณ และก็มีคนอย่างผม ที่อยากเห็นคุณยิ้มอย่างมีความสุข มนุษย์ทุกคนไม่ได้สมบูรณ์แบบ เราต่างมี
จุดด้อยและจุดเด่นในแบบตัวเอง เพียงแต่เปิดใจยอมรับมัน ถ้าชีวิตต้องเผชิญกับปัญหา
ก็ขอให้ลุกขึ้นสู้ แม้ว่าสุดท้ายผลลัพธ์มันคือความล้มเหลว แต่นั่นถือเป็นสิ่งที่ดี เพราะมันคือประสบการณ์ของชีวิต”

          น้องนนเป็นผู้พิการตั้งแต่กำเนิด มีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงต้องอยู่บนรถเข็นพ่อกับแม่แยกทางกันตอนนนอายุได้ 2 ขวบ นนจึงอยู่กับพ่อมาโดยตลอด นนสามารถ
ดูแลตัวเองในการดำเนินชีวิตประจำวันได้ เช่นการอาบน้ำ แปรงฟัน กินข้าวเพื่อช่วยลดภาระของคนดูแล พ่อน้องนนทำอาชีพขับรถแท๊กซี่ ขับรถรับจ้างเพื่อหารายได้มาเป็น
ค่าใช้จ่ายภายในครอบครัวซึ่งในแต่ละเดือนรายได้มักไม่พอกับรายจ่าย ปัจจุบันน้องนนเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่โรงเรียนศรีสังวาลย์ ถึงแม้จะมีข้อจำกัดทางร่างกายแต่ไม่ใช่อุปสรรคในการเรียน โดยพ่อจะตื่นแต่เช้าไปส่งที่โรงเรียนและไปรับกลับในตอนเย็นเป็นประจำทุกวัน น้องนนเป็นคนขยันและตั้งใจ รู้จักใช้เวลาทุกนาทีอย่างมีค่าจนทำให้มีผลการเรียนที่ดีได้เกรดเฉลี่ยสามกว่าในทุกเทอม แถมยังเป็นนักกิจกรรมเป็นตัวแทนโรงเรียนไปร่วมแข่งขันต่างๆ เช่น การออกเสียง คัดลายมือ แข่งหมากรุกสากล ประเภทบกพร่องทางร่างกายจนได้รับรางวัลมากมาย อาทิ ระดับเหรียญทองชนะเลิศ การแข่งขันการเล่านิทาน/การเล่าเรื่อง งานศิลปหัตถกรรมนักเรียน ระดับชาติครั้งที่ 69 เป็นต้น สร้างความภาคภูมิใจให้กับตัวเองและครอบครัวเป็นอย่างมาก

          ที่นนเป็นคนเก่งและแกร่งแบบนี้ เพราะมีพ่อเป็นต้นแบบในการสู้ชีวิตเพราะตั้งแต่เกิดมา นนเห็นพ่อทำงานหนักทุกวันไม่เคยมีวันหยุด ทั้งทำงานหาเงิน ทั้งดูแลเขาอย่างดีมาโดยตลอด วันหยุดของพ่อมีอยู่ไม่กี่วันที่นนเห็น คือ ถ้าไม่เจ็บป่วยจริงๆ พ่อไม่เคยได้หยุดทำงานเลย พ่อจึงเป็นแบบอย่างที่สำคัญที่ทำให้นนมีพลังใจก้าวเดินต่อไปอย่างไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค น้องนนจึงขอฝากกำลังใจถึงทุกๆ คนที่กำลังประสบปัญหาในชีวิตอยู่ว่า

          “ผมจะไม่บอกคุณว่า ‘สู้ๆ’ เพราะผมรู้ว่าคุณสู้มาโดยตลอด ผมจะไม่บอกคุณว่า‘ไม่เป็นไร’ เพราะผมรู้ว่ามันเป็น ถ้าเหนื่อยล้า ก็ควรพักผ่อน ถ้าอยากร้อง ก็ร้องออกมาครับ ถ้าอยากระบาย ระบายมาได้เลย ตราบใดที่ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน คุณทำมันได้ ปลดปล่อยออกมาได้เต็มที่ หลังจากนั้นขอให้คุณจำไว้นะครับว่ายังมีคนอย่างผม ที่คอยให้กำลังใจคุณอยู่ แม้เราจะไม่รู้จักกันก็ตาม มีคนอย่างผมนี่แหละ เป็นห่วงคุณ และก็มีคนอย่างผม ที่อยากเห็นคุณยิ้มอย่างมีความสุข มนุษย์ทุกคนไม่ได้สมบูรณ์แบบ เราต่างมีจุดด้อยและจุดเด่นในแบบตัวเอง เพียงแต่เปิดใจยอมรับมัน ถ้าชีวิตต้องเผชิญกับปัญหาก็ขอให้ลุกขึ้นสู้ แม้ว่าสุดท้ายผลลัพธ์มันคือความล้มเหลว แต่นั่นถือเป็นสิ่งที่ดี เพราะมันคือประสบการณ์ของชีวิต”

          น้องนนเป็นผู้พิการตั้งแต่กำเนิด มีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงต้องอยู่บนรถเข็นพ่อกับแม่แยกทางกันตอนนนอายุได้ 2 ขวบ นนจึงอยู่กับพ่อมาโดยตลอด นนสามารถดูแลตัวเองในการดำเนินชีวิตประจำวันได้ เช่นการอาบน้ำ แปรงฟัน กินข้าวเพื่อช่วยลดภาระของคนดูแล พ่อน้องนนทำอาชีพขับรถแท๊กซี่ ขับรถรับจ้างเพื่อหารายได้มาเป็น
ค่าใช้จ่ายภายในครอบครัวซึ่งในแต่ละเดือนรายได้มักไม่พอกับรายจ่าย ปัจจุบันน้องนนเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่โรงเรียนศรีสังวาลย์ ถึงแม้จะมีข้อจำกัดทางร่างกายแต่ไม่ใช่อุปสรรคในการเรียน โดยพ่อจะตื่นแต่เช้าไปส่งที่โรงเรียนและไปรับกลับในตอนเย็นเป็นประจำทุกวัน น้องนนเป็นคนขยันและตั้งใจ รู้จักใช้เวลาทุกนาทีอย่างมีค่าจนทำให้มีผลการเรียนที่ดีได้เกรดเฉลี่ยสามกว่าในทุกเทอม แถมยังเป็นนักกิจกรรมเป็นตัวแทนโรงเรียนไปร่วมแข่งขันต่างๆ เช่น การออกเสียง คัดลายมือ แข่งหมากรุกสากล ประเภทบกพร่องทางร่างกายจนได้รับรางวัลมากมาย อาทิ ระดับเหรียญทองชนะเลิศ การแข่งขันการเล่านิทาน/การเล่าเรื่อง งานศิลปหัตถกรรมนักเรียน ระดับชาติครั้งที่ 69 เป็นต้น สร้างความภาคภูมิใจให้กับตัวเองและครอบครัวเป็นอย่างมาก

          ที่นนเป็นคนเก่งและแกร่งแบบนี้ เพราะมีพ่อเป็นต้นแบบในการสู้ชีวิตเพราะตั้งแต่เกิดมา นนเห็นพ่อทำงานหนักทุกวันไม่เคยมีวันหยุด ทั้งทำงานหาเงิน ทั้งดูแลเขาอย่างดีมาโดยตลอด วันหยุดของพ่อมีอยู่ไม่กี่วันที่นนเห็น คือ ถ้าไม่เจ็บป่วยจริงๆ พ่อไม่เคยได้หยุดทำงานเลย พ่อจึงเป็นแบบอย่างที่สำคัญที่ทำให้นนมีพลังใจก้าวเดินต่อไป
อย่างไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค น้องนนจึงขอฝากกำลังใจถึงทุกๆ คนที่กำลังประสบปัญหาในชีวิตอยู่ว่า

          “ผมจะไม่บอกคุณว่า ‘สู้ๆ’ เพราะผมรู้ว่าคุณสู้มาโดยตลอด ผมจะไม่บอกคุณว่า‘ไม่เป็นไร’ เพราะผมรู้ว่ามันเป็น ถ้าเหนื่อยล้า ก็ควรพักผ่อน ถ้าอยากร้อง ก็ร้องออกมาครับ ถ้าอยากระบาย ระบายมาได้เลย ตราบใดที่ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน คุณทำมันได้ ปลดปล่อยออกมาได้เต็มที่ หลังจากนั้นขอให้คุณจำไว้นะครับว่ายังมีคนอย่างผม ที่คอยให้กำลังใจคุณอยู่ แม้เราจะไม่รู้จักกันก็ตาม มีคนอย่างผมนี่แหละ เป็นห่วงคุณ และก็มีคนอย่างผม ที่อยากเห็นคุณยิ้มอย่างมีความสุข มนุษย์ทุกคนไม่ได้สมบูรณ์แบบ เราต่างมีจุดด้อยและจุดเด่นในแบบตัวเอง เพียงแต่เปิดใจยอมรับมัน ถ้าชีวิตต้องเผชิญกับปัญหาก็ขอให้ลุกขึ้นสู้ แม้ว่าสุดท้ายผลลัพธ์มันคือความล้มเหลว แต่นั่นถือเป็นสิ่งที่ดี เพราะมันคือประสบการณ์ของชีวิต”

ขอบคุณภาพจาก : เก่งจริงชิงค่าเทอม | ONE31