จากความล้มเหลวสู่เจ้าของแฟรนไชส์

ชาไข่มุก MARU CHA

ออฟ-อภิสิทธิ์ คงสิน

ผู้บริหาร บริษัท มารุชา จำกัด

ความสําเร็จไมไดมาเพราะโชคชวย แตเพราะความพยายามของตัวเอง

      ออฟ-อภิสิทธิ์ คงสิน เด็กต่างจังหวัดท่ีเรียนจบแค่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 แต่มีความปรารถนา อันแรงกล้าที่อยากจะเปลี่ยนชีวิตตัวเอง ให้เป็นคนท่ีประสบความสําเร็จ เพื่อลบคําสบประมาทว่า
เป็นคนไม่มีอนาคต ชีวิตต้องยากลําบากเพราะเรียนมาน้อย วันนี้เขาได้พิสูจน์แล้วว่าลิขิตฟ้าไม่สู้ มานะตน ปัจจุบันเขาดํารงตําแหน่ง CEO เจ้าของธุรกิจชาไข่มุกที่มีแฟรนไชส์กว่า 500 สาขาทั้งใน ประเทศและต่างประเทศ

ความสําเร็จไมไดมาเพราะโชคชวย แตเพราะความพยายามของตัวเอง

      ออฟ-อภิสิทธิ์ คงสิน เด็กต่างจังหวัดท่ีเรียนจบแค่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 แต่มีความปรารถนา อันแรงกล้าที่อยากจะเปลี่ยนชีวิตตัวเอง ให้เป็นคนท่ีประสบความสําเร็จ เพื่อลบคําสบประมาทว่า เป็นคนไม่มีอนาคต ชีวิตต้องยากลําบากเพราะเรียนมาน้อย วันนี้เขาได้พิสูจน์แล้วว่าลิขิตฟ้าไม่สู้ มานะตน ปัจจุบันเขาดํารงตําแหน่ง CEO เจ้าของธุรกิจชาไข่มุกที่มีแฟรนไชส์กว่า 500 สาขาทั้งใน ประเทศและต่างประเทศ

ความยากจน คือ ต้นทุนชีวิตที่ผลักดันให้ต้องพาชีวิตก้าวไปข้างหน้า

      ออฟ เด็กหนุมตางจังหวัด เขาเกิดที่จังหวัดพิจิตร ดวยฐานะที่ยากจนทําใหพอกับแมตองไปทํางานที่กรุงเทพฯ และฝากออฟใหปูกับยาชวยดูแล ออฟ มีชีวิตวัยเด็กที่คอนขางลําบากเวลาไปโรงเรียนมีบอยครั้งที่ไปขอขนมเพื่อนกิน บางทีก็ตองไปหยิบขนมจากถังขยะขึ้นมากินซึ่งเปนขนมที่คนอื่นกินเหลือ แลวทิ้งไว ทําใหเพื่อนๆ พากันลอจนเขารูสึกวามีปมดอยเรื่องความจน

      เมื่อเรียนจบชั้นประถมศึกษาปที่ 6 ดวยครอบครัวไมมีเงินสงเสียใหเรียนและในอดีตออฟก็เปนเด็กเกเร จึงไมไดเรียนตอชั้นมัธยม พออายุได 13 ป พอ กับแมรับออฟมาอยูดวยกันที่กรุงเทพฯ เขาเริ่มตนทํางานรับจางขายของตามตลาดนัด กระทั่งถึงชวงที่เศรษฐกิจย่ําแยไมสามารถครองชีพไดในเมือง ใหญ พอกับแมจึงตัดสินใจกลับบานที่ตางจังหวัดแลวเปดรานขายกวยเตี๋ยว ชวงเวลากลางวันออฟชวยพอกับแมขายกวยเตี๋ยว แลวออกไปรับจางเลน ดนตรีท่ีรานอาหารชวงกลางคืน

ออกแบบเสนทางเดินชีวิตนําไปสูประตูแหงความสําเร็จ

      ออฟเลนดนตรีกลางคืนอยูได 2 ป ก็หันไปขายน้ําที่หนาโรงเรียนมัธยมอยูซักพักกอนเลิกขายแลวยายไป อยูใน ตัวเมือง เขาเริ่มตนหางานใหมโดยขี่มอเตอรไซคตระเวนหางานทั่วเมืองไปทุกที่ที่เห็นวามีติดประกาศ
รับสมัครงาน แตดวยวุฒิการศึกษาที่จบแคชั้นประถม 6 และรูปลักษณที่มีรอยสัก จึงไมมีใครรับเขาทํางาน ออฟใชเวลาหางาน อยูเกือบเดือนจนไดงานเปนพนักงานเสิรฟที่รานอาหารแหงหนึ่ง

“ผมขี่มอเตอรไซตไปสมัครงานทั้งวัน บางวันขาวก็ไมไดกินแถมงานก็ไมไดเพราะมีแควุฒิ ป.6
มันเปนชวงที่ชีวิตยากลําบากมาก ผมเดินไปก็น้ําตาไหลไป รูซึ้งและเขาใจถึงความหมาย 
ของคําวาชีวิตเลยครับ แตผมไมไดเลาใหใครฟงนะเพราะวาตอนที่ผมกลับบานไปจะมีแตคนพูดวา จบแคป.6 จะไปทําอะไรได ถาผมไปเลาวาหางานไมไดพวกเขาจะยิ่งสมน้ําหนา ผมจึงกัดฟนทนคิดในใจ
วายังไงก็ตองหางานใหได งานอะไรก็ทําหมด เราตองยืนใหไดดวยตัวเอง”

      ออฟทํางานเปนเด็กเสิรฟอยูไดไมนานก็ตัดสินลาออกเพราะเขาคิดวาถาขืนยังอยูแบบน้ีชีวิตคงไมมีอะไรดีขึ้น เขาจึงเร่ิมมีความคิดวาอยากเปนเจาของธุรกิจ ท้ังที่มีเงินติดตัวอยูแค 1,000 บาท เลยนําเงินนี้มาเปนทุนไปเรียน ทําซูชิและสามารถทําเปนไดในวันเดียว เขาจึงรีบไปติดตอกับเจาของตลาดเพ่ือขอเชาที่ขายซูชิ ออฟขายซูชิไดเฉลี่ย วันละ 300-500 บาท เขาอยากขายไดเพ่ิมเปนวันละ 1,000 บาท จึงเพิ่มชองทางทําซูชิสงขายใหกับรานคาในโรงเรียน ตาง ๆ ทําใหมีรายไดเปนวันละ 1,000 บาท ตามท่ีตั้งเปาไว แตออฟยังไมหยุด
อยูแคนั้นเขายังคิดตอไปอีกวาจะทํา อยางไรใหไดเงินวันละ 10,000 บาท ซึ่งน่ีคือจุดเปล่ียนสําคัญของเสนทางชีวิตที่พาใหเขาไปสูประตูแหงความสําเร็จ

ผมคิดว่าการค้าขายมันคือทางของผม
ไม่ต้องให้ใครมากดดัน เราก็ขายของเราไป
เราเป็นเจ้านายตัวเอง พอเห็นว่าขายดีก็อยากมีรายได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ 
จากร้อยเป็นพัน จากพันอยากได้เป็นหมื่นต้องทำยังไง
ซึ่งคนอื่นบอกว่าได้เป็นพันก็ดีแล้วจะดิ้นรนทำไม
แต่ผมไม่คิดแบบนั้น ถ้าเรามีทางเลือกเดียวแสดงว่าเราไม่มีทางเลือกเลย
พอถึงจุดที่มันตันแล้วเราไม่มีตัวทางเลือกไว้เราจะแย่

เปลี่ยนเส้นทางได้ แต่จุดหมายอยู่ที่เดิม

      จากจุดเริ่มต้นความคิดที่อยากได้เงินวันละหมื่นทำให้ออฟเริ่มหันมาทำธุรกิจอื่นอีกมากมาย อาทิ ขายเสื้อผ้า ขายครีม ให้เช่ากล้องถ่ายรูป และร้านหมูจุ่ม ธุรกิจที่ทำทั้งหมดล้วนล้มเหลว ขาดทุนไม่ประสบความสำเร็จจนไม่มีเงินเหลือ แต่ออฟก็ยังไม่ยอมแพ้ ขอตัดสินใจลุกขึ้นสู้อีกครั้ง ด้วยการยืมเงินจากญาติ จำนวน 20,000 บาท เพื่อมาเป็นทุนเปิดร้านขายชาไข่มุก เพราะเขาเคยมีประสบการณ์ขายน้ำที่หน้าโรงเรียนมาก่อนจึงมองเห็นว่า ขายง่าย ใช้เงินลงทุนน้อย และได้กำไรเยอะ

      ออฟตั้งชื่อแบรนด์ชานมไข่มุขว่า มารุชา มาจากชื่อแมวที่เขาเลี้ยงไว้ ออฟเป็นผู้ออกแบบโลโก้และรูปแบบแพคเกจจิ้งเองทั้งหมดโดยเลือกใช้แก้วก้นมนซึ่งเป็นแก้วที่หลายแบรนด์ในห้างใช้กันและขายในราคา 80-90 บาท แต่ชาไข่มุกของออฟขายเพียงแก้วละ 19 บาท ก่อนวันเปิดร้าน ออฟถ่ายรูปแก้วชาไข่มุกแล้วโพสต์ลงสื่อ
โซเชียลเพื่อประชาสัมพันธ์ร้านจนเกิดเป็นกระแสนคนแชร์ออกไปกันเป็ฯหลักหมื่น
ว่า ชานมไข่มุกใช้แก้วคุณภาพแบบนี้ เขาขายแค่ 19 บาท ทำให้วันแรกในการเปิดร้านมีคนรอพิสูจน์และชิมรสชาติ ทำให้วันแรกเขาขายได้ร้อยกว่าแก้วซึ่งเยอะเกินความคาดหมาย

“ผมคาดหวังว่าขายได้ซัก 20-30 แก้วก็โอเคแล้ว แต่พอเห็นคนมายืนต่อคิวรอซื้อ
กันเยอะมากแล้วขายได้เป็นร้อยแก้วผมคิดว่าผมน่าจะมาถูกทางแล้ว ผมยืนชงขายคนเดียวทั้งวัน เหนื่อยแต่ดีใจและรู้สึกมีกำลังใจให้สู้ต่อไป ก่อนหน้านี้ผมอาจ
จะเคยล้มเหลวผิดพลาด แต่วันนี้ผมคิดว่าผมมาถูกทางแล้ว”

      ด้วยรูปแบบแพคเกจจิ้งที่ดึงดูดใจวัยรุ่นและราคาที่จับต้องได้ทำให้ชาไข่มุก
มารุชา ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจนมีคนมาติดต่อเพื่อขอซื้อแฟรนไชส์เป็นจำนวนมาก ซึ่งออฟยังไม่ตอบตกลงเพราะเขาเองยังไม่รู้ว่าแฟรนไชส์คืออะไร
เขาจึงต้องเริ่มเรียนรู้อีกครั้งด้วยการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบแฟรนไชส์อยู่พักใหญ่จนเข้าใจแล้วจึงจดทะเบียน บริษัท มารุชา จำกัด ภายใต้แบรนด์
มารุชา (MARU CHA) ทำธุรกิจแฟรนไชส์ชาไข่มุกและชาเพื่อสุขภาพแฟรนไชส์เติบโตแบบก้าวกระโดดภายในระยะเวลา 2 ปี ซึ่งปัจจุบันมีแฟรนไชส์กว่า 500 สาขาทั้งในประเทศและต่างประเทศ

เปลี่ยนเส้นทางได้ แต่จุดหมายอยู่ที่เดิม

     จากจุดเริ่มตนความคิดที่อยากไดเงินวันละหมื่นทําใหออฟเริ่มหันมาทําธุรกิจอื่น อีกมากมาย อาทิ ขายเสื้อผา ขายครีม ใหเชากลองถายรูป และรานหมูจุม ธุรกิจที่ ทําทั้งหมดลวนลมเหลว ขาดทุนไมประสบความสําเร็จจนไมมีเงินเหลือ แตออฟก็ยัง ไมยอมแพ ขอตัดสินใจลุกขึ้นสูอีกครั้ง ดวยการยืมเงินจากญาติ จํานวน 20,000 บาท เพื่อมาเปนทุนเปดรานขายชาไขมุก เพราะเขาเคยมีประสบการณขายน้ําที่หนา โรงเรียนมากอนจึงมองเห็นวา ขายงาย ใชเงินลงทุนนอย และไดกําไรเยอะ

      ออฟตั้งชื่อแบรนดชาไขมุกวา มารุชา มาจากชื่อแมวที่เขาเลี้ยงไว ออฟเปนผู ออกแบบโลโกและรูปแบบแพคเกจจิ้งเองทั้งหมดโดยเลือกใชแกวกนมนซึ่งเปนแกว ที่หลายแบรนดในหางใชกันและขายในราคา 80-90 บาท แตชาไขมุกของออฟขาย เพียงแกวละ 19 บาท กอนวันเปดราน ออฟถายรูปแกวชาไขมุกแลวโพสตลงสื่อ โซเชียลเพื่อประชาสัมพันธรานจนเกิดเปนกระแสคนแชรออกไปกันเปนหลักหมื่น วา ชานมไขมุกใชแกวคุณภาพแบบนี้ เขาจะขายแค 19 บาท ทําใหวันแรกในการเปด รานมีคนรอพิสูจนและชิมรสชาติ ทําใหวันแรกเขาขายไดรอยกวาแกวซึ่งเยอะเกิน ความคาดหมาย

“ผมคาดหวังวาขายไดซัก 20-30 แกวก็โอเคแลว แตพอเห็นคนมายืนตอคิวรอซื้อ กันเยอะมากแลวขายไดเปนรอยแกวผมคิดวาผมนาจะมาถูกทางแลว ผมยืนชง ขายคนเดียวทั้งวัน เหนื่อยแตดีใจและรูสึกมีกําลังใจใหสูตอไป กอนหนานี้ผมอาจ
จะเคยลมเหลวผิดพลาด แตวันนี้ผมคิดวาผมมาถูกทางแลว”

      ดวยรูปแบบแพคเกจจิ้งที่ดึงดูดใจวัยรุนและราคาที่จับตองไดทําใหชาไขมุก มารุชา ไดรับการตอบรับเปนอยางดีจนมีคนมาติดตอเพื่อขอซื้อแฟรนไชสเปนจํานวน มาก ซึ่งออฟยังไมตอบตกลงเพราะเขาเองยังไมรูวาแฟรนไชสคืออะไร เขาจึงตอง เริ่มเรียนรูอีกครั้งดวยการศึกษาหาความรูเพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบแฟรนไชสอยูพัก ใหญจนเขาใจแลวจึงจดทะเบียน บริษัท มารุชา จํากัด ภายใตแบรนด มารุชา (MARU CHA) ทําธุรกิจแฟรนไชสชาไขมุกและชาเพื่อสุขภาพแฟรนไชสเติบโตแบบ กาวกระโดดภายในระยะเวลา 2 ป ซึ่งปจจุบันมีแฟรนไชสกวา 500 สาขาทั้งในประเทศ และตางประเทศ

จุดเปลี่ยนจากพอคาสูเจาของธุรกิจแฟรนไชสชาไขมุก

      เป้าหมายชีวิตของออฟ คือ เปลี่ยนคุณภาพชีวิตตัวเองให้ดีกว่าเดิม เป็นคนที่ประสบความสำเร็จ เลี้ยงดูตัวเองและครอบครัวได้ เพื่อพิสูจน์ว่าเด็กต่างจังหวัดที่ต้นทุนชีวิตต่ำ จบแค่ป.6 ก็มีโอกาสพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นและเป็นที่สังคมให้การยอมรับในความสามารถ ซึ่งกว่าจะเดินมาถึงจุดหมายที่เรียกว่าความสำเร็จได้นั้นมันไม่ง่ายเลย ออฟเปลี่ยนเส้นทางเดินในชีวิตหลายครั้ง มีทั้งผิดพลาดและล้มเหลวมานับครั้งไม่ถ้วนแต่เขาก็ไม่เคยยอมแพ้หรือหยุดเดิน ออฟเรียนรู้จากสิ่งที่ผิดพลาดและแสวงหาความรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอ
เขามักอ่านหนังสือเพื่อศึกษาวิธีคิดและแนวทางการดำเนินชีวิตของคนที่ประสบความสำเร็จ อาทิ Think And Grow Rich (คิดแล้วรวย) โดย Napoleon Hill (นโปเลียน ฮิลล์)
ตามด้วย Secrets of the Millionaire Mind (ถอดรหัสลับสมองเงินล้าน) โดย T. Harv Eker (ที ฮาร์ฟ เอคเคอร์) และ Rich Dad Poor Dad (พ่อรวยสอนลูก) โดย Robert T. Kiyosaki (โรเบิร์ต คิโยซากิ) และหนังสือยอดนิยมในการใช้กฏแห่งแรงดึงดูดอย่าง The Secret โดย Rhonda Byrne (รอนดา เบิร์น) ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจสำคัญที่ช่วยผลักดันให้ออฟอยากพัฒนาตัวเองจนประสบความสำเร็จเหมือนพวกเขา

“เปลี่ยนเส้นทางได้แต่จุดหมายต้องอยู่ที่เดิม ผมได้แนวคิดนี้มาจากการอ่านหนังสือของคนที่ประสบความสำเร็จ ทำให้ผมชัดเจนในเป้าหมาย ผมฟังหนังสือเสียงด้วย
ฟังเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างแต่ก็ฟัง ฟัง จนแนวคิดพวกนี้มันซึมเข้าไปในสมอง วันหนึ่งตอนตี 4 จะไปจ่ายตลาด รถผมกำลังจอดติดไฟแดงอยู่นั้น ผมบอกตัวเองอย่างมีความหวังและความฝันโดยเขียนไว้ที่ฝ่ามือว่า 1 ปี 2 ล้าน ไม่ยากจะทำให้ได้ ซึ่งตอนนั้นผมยังขายซูชิได้วันละ 500 บาท อยู่เลยนะ แล้วตอนนี้ผมเป็นเจ้าของธุรกิจทำได้มากกว่า 2 ล้าน ผมว่าทุกอย่างเป็นจริงได้ ถ้าหัวใจเราไม่ย่อท้อ ยอมแพ้ เพราะความสำเร็จจะเป็นของคนที่ไม่หยุดพยายาม”

ความลมเหลวเปนสวนหนึ่งของความสําเร็จ

“ถ้าคุณกำลังล้มเหลวนั่นแปลว่าคุณเข้าใกล้ความสำเร็จมากขึ้น ในชีวิตของผมได้มีโอกาสทำงาน
หลายอย่าง เผชิญความล้มเหลวหลายครั้งกว่าจะประสบความสำเร็จ ผมเชื่อว่าไม่มีใครที่เกิดมาแล้วทำอะไรก็สำเร็จเลย ถึงมีก็มีน้อยมาก เพราะฉะนั้นการได้ลิ้มรสชาติของความล้มเหลว
มันจะทำให้เรายิ่งเข้มแข็ง และยิ่งอยากที่จะประสบความสำเร็จให้เร็วขึ้น”

      ‘ความล้มเหลวเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จ’ เป็นคำพูดที่ผมมักจะพูดเสมอเมื่อให้สัมภาษณ์กับรายการต่าง ๆ ออฟพบกับปัญหาและอุปสรรคมาแล้วมากมายไม่ว่าจะเรื่องความยากจน เรียนไม่จบ ทำธุรกิจขาดทุนต้องเปลี่ยนธุรกิจบ่อย ๆ ซึ่งนั่นคือบทเรียนทำให้ออฟได้เรียนรู้ไม่ทำซ้ำแบบเดิม เมื่อประสบความสำเร็จเป็นเจ้าของธุรกิจแล้วรูปแบบของปัญหาและอุปสรรคที่เข้ามาก็เปลี่ยนไปเป็นแบบที่ผู้ใหญ่ต้องเจอ ออฟเคยแอบร้องไห้คนเดียวเพราะยังเป็นวัยรุ่นแต่ต้องรับมือกับปัญหาที่ใหญ่เกินวัย แต่เขาผ่านปัญหาเหล่านั้นมาได้เพราะ
รู้ว่าทุกปัญหามีทางออกของมันเสมอ

“ทุกอย่างอยู่ที่เราครับ ความรู้แค่ 5% อีก 95% คือการลงมือทำจริงจัง อย่าไปกลัวความล้มเหลว ถ้าล้มก็ลุกขึ้นใหม่ แค่นี้เลยครับ ผมคิดว่าถ้าคนเราอยากได้สิ่งใดจริง ๆ เขาจะเสาะแสวงหาวิธีการ ถ้ามัวแต่ยืนอยู่กับที่ก็เหมือนว่าเราเดินถอยหลังเพราะโลกมันหมุนตลอด ถ้าอยากจะไปให้ทันโลกเราต้องวิ่ง” ออฟกล่าวทิ้งท้าย

      ตราบใดที่ยังมีลมหายใจแปลว่ายังมีชีวิตอยู่ ไม่มีคำว่าสายเกินไปสำหรับการอยากจะประสบความสำเร็จ เริ่มตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนว่าต้องการอะไรแล้วเลือกเส้นทางที่จะนำไปสู่เป้าหมายนั้น หากพบว่าทางไหนไม่ใช่ก็เปลี่ยนไปทางใหม่ เมื่อล้มแล้วจงลุกขึ้นอย่ายอมแพ้ขอให้เชื่อมั่นว่าความสำเร็จกำลังรออยู่แล้วไม่ไกล

ความลมเหลวเปนสวนหนึ่งของความสําเร็จ

“ถาคุณกําลังลมเหลวนั่นแปลวาคุณเขาใกลความสําเร็จมากขึ้น ในชีวิตของผมไดมีโอกาสทํางาน หลายอยาง เผชิญความลมเหลวหลายครั้งกวาจะประสบความสําเร็จ ผมเชื่อวาไมมีใครที่เกิดมาแลว ทําอะไรก็สําเร็จเลย ถึงมีก็มีนอยมาก เพราะฉะนั้นการไดลิ้มรสชาติของความลมเหลว มันจะทําใหเรายิ่งเขมแข็ง และยิ่งอยากที่จะประสบความสําเร็จใหเร็วขึ้น”

      ‘ความลมเหลวเปนสวนหนึ่งของความสําเร็จ’ เปนคําพูดที่ผมมักจะพูดเสมอเมื่อใหสัมภาษณกับรายการ ตาง ๆ ออฟพบกับปญหาและอุปสรรคมาแลวมากมายไมวาจะเรื่องความยากจน เรียนไมจบ ทําธุรกิจขาดทุน ตองเปลี่ยนธุรกิจบอย ๆ ซึ่งนั่นคือบทเรียนทําใหออฟไดเรียนรูไมทําซ้ําแบบเดิม เมื่อประสบความสําเร็จเปน เจาของธุรกิจแลวรูปแบบของปญหาและอุปสรรคที่เขามาก็เปลี่ยนไปเปนแบบที่ผูใหญตองเจอ ออฟเคยแอบ รองไหคนเดียวเพราะยังเปนวัยรุนแตตองรับมือกับปญหาที่ใหญเกินวัย แตเขาผานปญหาเหลานั้นมาไดเพราะ รูวาทุกปญหามีทางออกของมันเสมอ

“ทุกอยางอยูที่เราครับ ความรูแค 5% อีก 95% คือการลงมือทําจริงจัง อยาไปกลัวความลมเหลว ถาลมก็ลุกขึ้นใหม แคนี้เลยครับ ผมคิดวาถาคนเราอยากไดสิ่งใดจริง ๆ เขาจะเสาะแสวงหาวิธีการ ถามัวแตยืนอยูกับที่ก็เหมือนวาเราเดินถอยหลังเพราะโลกมันหมุนตลอด ถาอยากจะไปใหทันโลกเราตองวิ่ง” ออฟกลาวทิ้งทาย

      ตราบใดที่ยังมีลมหายใจแปลวายังมีชีวิตอยู ไมมีคําวาสายเกินไปสําหรับการอยากจะประสบความสําเร็จ เริ่ม ตั้งเปาหมายใหชัดเจนวาตองการอะไรแลวเลือกเสนทางที่จะนําไปสูเปาหมายนั้น หากพบวาทางไหนไมใชก็ เปลี่ยนไปทางใหม เมื่อลมแลวจงลุกขึ้นอยายอมแพขอใหเชื่อมั่นวาความสําเร็จกําลังรออยูแลวไมไกล