หากเล่าถึงจุดเริ่มต้นบนเส้นทางดีไซเนอร์ของ ทอไหม – อภิญานันท์ จงภักดี อาจไม่ได้หวือหวาหรือมีความชัดเจนมาตั้งแต่แรก เธอเพียงแค่ได้ซึมซับความเป็นช่างตัดเย็บเสื้อผ้าจากคุณแม่ของเธอตลอดช่วงวัยเด็กที่ผ่านมา แต่แล้วด้วยความหลงใหลในความสวยงามของเสื้อผ้า และผู้คนที่ได้ใส่ชุดที่เธอเป็นผู้กำหนด ทำให้เธออดคิดไม่ได้ว่าความชอบที่แท้จริงแล้วอยู่รอบตัวเธอเสมอมา กลายเป็นแรงผลักดันที่ทำให้ทอไหมตัดสินใจเลือกเดินทางสายดีไซเนอร์และทุ่มเทอย่างจริงจัง จนกระทั่งชื่อของเธอกลายเป็นที่เล่าขานในวงการแฟชั่น และได้สร้างตำนานบทใหม่กับ #ใช่ค่ะชุดนี้ตัดคืนเดียว พร้อมทั้งจัดตั้ง ทอไหม สตูดิโอ ขึ้นมา เพื่อรองรับการให้บริการบรรดากลุ่มลูกค้าที่ต่างก็ติดอกติดใจในผลงาน และความสามารถของเธอกันอย่างคับคั่ง

          “เราโตมากับคุณแม่ซึ่งทำร้านตัดเย็บเสื้อผ้า ในจุดแรกเราก็ยังไม่รู้หรอกว่าเราชอบสิ่งนี้ ด้วยความที่เราโตและก็อยู่กับมันทุกวันจนเคยชิน กระทั่งวันหนึ่งเราแค่รู้สึกว่าเราอยากให้คุณแม่แต่งตัวในแบบที่เราต้องการเวลาที่ต้องไปงานประชุมผู้ปกครอง ก็เริ่มที่จะเลือกผ้า เลือกแบบ ให้คุณแม่ใส่ ช่วงนั้นเป็นจุด
เริ่มต้นที่ทำให้เรารู้สึกชอบสิ่งนี้ แต่ด้วยความไม่มั่นใจตอนนั้นเราจึงออกไปทำสิ่งอื่น ๆ ควบคู่ไปด้วยเพื่อค้นหาสิ่งที่อยากทำ จนกระทั่งได้เข้ามาเรียนวิชาโบราณคดีในช่วงมหาวิทยาลัยปีแรก และเกิดความคิดกับตัวเองว่าหากวันหนึ่งถ้าเราต้องไปนั่งทำงาน สิ่งนี้มันคือความสุขในชีวิตเราไหม? เราก็ได้คำตอบกับตัวเองว่าอันนี้ไม่ใช่ความสุขของเรา และเราก็ค้นพบว่าความสุขของเราคือการที่ได้เห็นคนใส่ชุดสวย ๆ จับคนให้แต่งตัวสวย ๆ พอมั่นใจแล้วว่าชอบและรักที่จะทำในสิ่งนี้จึงตัดสินใจไปบอกกับคุณแม่ว่าเราขอ
ไม่เรียนในสิ่งที่เราตั้งใจไว้แต่แรกนะ เราอยากเปลี่ยนมาเรียนแฟชั่น ซึ่งโชคดีมาก ๆ ที่ทางบ้านเราก็โอเคและพร้อมสนับสนุน ผ่านจุดนั้นมาได้ทำให้เราหันมามุ่งมั่นค้นคว้าข้อมูลเพื่อที่จะเปลี่ยนมาเรียนทางด้านแฟชั่นอย่างจริงจัง จนท้ายที่สุดก็ได้เข้ามาเรียนแฟชั่นที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ คณะศิลปกรรมศาสตร์แฟชั่นดีไซน์”

          “เราโตมากับคุณแม่ซึ่งทำร้านตัดเย็บเสื้อผ้า ในจุดแรกเราก็ยังไม่รู้หรอกว่าเราชอบสิ่งนี้ ด้วยความที่เราโตและก็อยู่กับมันทุกวันจนเคยชิน กระทั่งวันหนึ่งเราแค่รู้สึกว่าเราอยากให้คุณแม่แต่งตัวในแบบที่เราต้องการเวลาที่ต้องไปงานประชุมผู้ปกครอง ก็เริ่มที่จะเลือกผ้า เลือกแบบ ให้คุณแม่ใส่ ช่วงนั้นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เรารู้สึกชอบสิ่งนี้ แต่ด้วยความไม่มั่นใจตอนนั้นเราจึงออกไปทำสิ่งอื่น ๆ ควบคู่ไปด้วยเพื่อค้นหาสิ่งที่อยากทำ จนกระทั่งได้เข้ามาเรียนวิชาโบราณคดีในช่วงมหาวิทยาลัยปีแรก และเกิดความคิดกับตัวเองว่าหากวันหนึ่งถ้าเราต้องไปนั่งทำงาน สิ่งนี้มันคือความสุขในชีวิตเราไหม? เราก็ได้คำตอบกับตัวเองว่าอันนี้ไม่ใช่ความสุขของเรา และเราก็ค้นพบว่าความสุขของเราคือการที่ได้เห็นคนใส่ชุดสวย ๆ จับคนให้แต่งตัวสวย ๆ พอมั่นใจแล้วว่าชอบและรักที่จะทำในสิ่งนี้จึงตัดสินใจไปบอกกับคุณแม่ว่าเราขอไม่เรียนในสิ่งที่เราตั้งใจไว้แต่แรกนะ เราอยากเปลี่ยนมาเรียนแฟชั่น ซึ่งโชคดีมาก ๆ ที่ทางบ้านเราก็โอเคและพร้อมสนับสนุน ผ่านจุดนั้นมาได้ทำให้เราหันมามุ่งมั่นค้นคว้าข้อมูลเพื่อที่จะเปลี่ยนมาเรียนทางด้านแฟชั่นอย่างจริงจัง จนท้ายที่สุดก็ได้เข้ามาเรียนแฟชั่นที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ คณะศิลปกรรมศาสตร์แฟชั่นดีไซน์”

          เมื่อค้นพบความชอบที่แท้จริง และมีความกระหายที่จะพิสูจน์ตัวเองบนเส้นทางการเป็นดีไซเนอร์ ทอไหมไม่รอช้าที่จะก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่กลัวผิดหวัง “การเรียนทำให้เราได้รู้ และเข้าใจงานสายแฟชั่นมากขึ้น ช่วงฝึกงานเราได้มีโอกาสไปฝึกงานกับพี่ ๆ ผู้ใหญ่ในวงการแฟชั่น จุดนี้ยิ่งทำให้เราได้เปิดกว้างในเรื่องของวงการแฟชั่น และยิ่งตอกย้ำว่าความสุขของเราคือการที่ได้เรียนรู้ การที่เราได้คิด ได้สเก็ตช์ชุด แล้วเราสามารถทำชุดให้ออกมาได้จริง ๆ ความรู้สึกพวกนี้มันคือความสุขที่เป็นสารตั้งต้นของเราตั้งแต่แรก เราจึงอยากจะทำงานตรงนี้ให้เป็นอาชีพจริง ๆ เพราะเรารู้สึกว่าเรามี Passion กับมัน ผ่านมาแล้วกว่า 10 ปีที่เราเดินทางในสายนี้ สิ่งที่เราได้เรียนรู้เพิ่ม คือ ความเปลี่ยนแปลงของเทรนด์โลก เทรนด์สังคมทุกอย่างเป็นสิ่งที่คอยสอนและเป็นโจทย์ให้กับเราตลอดเวลา และยิ่งเราทำงานตรงนี้ สิ่งที่เราต้องทำคือการไม่หยุดที่จะเรียนรู้ เพื่อให้เราเป็นคนที่อยู่ทันกระแส เพราะวงการแฟชั่นไม่เคยหยุดนิ่ง ทุกอย่างจะถูกพัฒนาขึ้นในทุก ๆ วัน ฉะนั้นในแต่ละงานที่เราได้รับก็เป็นเหมือนความท้าทายใหม่ ๆ ในชีวิตของเราตลอดเวลาด้วยเช่นกัน”

          บางครั้งคนเรามักจะมองข้ามความสุขเล็ก ๆ ที่อยู่รอบตัวของเราไปเพียงเพราะว่าถูกสังคมตีกรอบมูลค่าของความสุข แต่หากเรามองย้อนกลับมาในชีวิต เราอาจจะค้นพบว่าที่จริงแล้วความสุขในชีวิตของเราเกิดขึ้นได้ง่าย ๆ เพียงแค่เราได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก และรักที่จะทำมันอย่างจริงจัง เหมือนกับทอไหมที่เธอได้ค้นพบความสุขใกล้ตัวจากสิ่งที่เธอเผลอมองข้ามไป และเมื่อรู้ตัวเธอก็ไม่รอช้าที่จะต่อยอดสิ่งเหล่านั้นด้วยความรัก และนำพาตัวเธอเองไปสู่ความสำเร็จในชีวิต

พลังแห่งความมุ่งมั่นกับหนทางสู่การต่อยอดเส้นทางอาชีพและสิ่งที่รัก

          ด้วยความมุ่งมั่น และไม่เคยหยุดพัฒนาตัวเองของทอไหม เธอได้มีโอกาสในการเดินทางเข้าสู่รายการ Drag Race Thailand Season 2 และยังได้ต่อยอดเส้นทางด้านการเป็นดีไซเนอร์ที่เธอรักด้วยการเปิดทอไหม สตูดิโอ เพื่อรองรับความต้องการจากบรรดาลูกค้าที่ต่างชื่นชอบผลงานของเธอเป็นจำนวนมาก “ ตอนแรกเราทำงานแบบฟรีแลนซ์ ตัดชุดให้กับศิลปินดารา ทำงานอยู่เบื้องหลัง
พอวันหนึ่งเริ่มรู้สึกว่างานค่อนข้างที่จะล้นมือ ประจวบเหมาะกับช่วงนั้นเราสนใจในส่วนของการเป็น Drag Queen เราก็ Drag ในเวลาว่างหรือช่วงที่เราเครียดจากงาน เรารู้สึกว่าความ Drag คืออีกหนึ่งเรื่องของชีวิตที่เป็นความสุขของเรา จึงได้มีโอกาสได้เข้าประกวด Drag Race Thailand Season 2 แล้วเราก็ใช้ชื่อทอไหมในการประกวด ทำให้คนยิ่งจดจำเราในชื่อนี้มากขึ้นจนจบรายการออกมา ทุกคน
ก็บอกว่า ‘ทำงานคนเดียวมันเหนื่อยเกินไปแล้วนะ’ เราเองก็คิดว่าก็คงจะถึงเวลาแล้วที่จะเปิดสตูดิโอเอง และเราเอง ก็มีจุดขายกับการที่เราสามารถทำชุด หรือ เสกชุดงานคุณภาพชิ้นหนึ่งให้เสร็จได้ภายในเวลาอันรวดเร็วตามที่ลูกค้าต้องการ ก็เลยหยิบจุดนี้มาบวกกับชื่อของเรา พอรวมกันเราก็มองว่ามันน่าจะเป็นจุดขายเป็นการเริ่มธุรกิจของเราได้ดี ปัจจุบันนี้ ทอไหมสตูดิโอ เปิดมาได้ 3 ปีเต็มแล้ว
ในส่วนของการดูแลธุรกิจ เรามีพาร์ทเนอร์ที่ช่วยดูแลในส่วนของการตลาด ส่วนตัวเราจะเน้นดูในเรื่องของคุณภาพงานที่เราต้องรักษาไว้ ไม่ว่าจะเป็นตัวเนื้องาน ระยะเวลา หรืออะไรก็แล้วแต่ เรามองว่าตรงนี้เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ลูกค้ายังคงอยู่กับเราไม่ว่าจะเป็นลูกค้าเก่าหรือใหม่ หากคนต้องการชุดด่วน ชุดไว ไม่ว่าจะวงการไหนถ้าคุณต้องการชุดด้วยเวลาที่จำกัด คนแรกที่คุณจะนึกถึงต้องเป็น
ทอไหม แล้วในวันนี้หลายคนก็นึกถึงเราเป็นที่แรกจริง ๆ”
          จากการพัฒนาต่อยอดผลงานบวกกับความเร็ว และคุณภาพที่ส่งมอบให้กับผู้ใช้บริการเสมอมาของทอไหม ทำให้เธอได้สร้างปรากฎการณ์ที่ชาวโซเชียลมีเดียต่างก็ต้องจดจำเธอในฐานะเจ้าของ #ใช่ค่ะชุดนี้ตัดคืนเดียว โดยเธอได้เล่าที่มาของแฮชแท็กนี้ว่า “ทุกคนที่ร่วมงานกับเราเขาจะรู้ว่าเราเป็นคนทำงานได้เร็วมากในการทำชุดชุดหนึ่งขึ้นมา ทุกคนจะรู้ว่าถ้าเกิดต้องการงานด่วนให้มาหาทอไหม จนกระทั่งถึงวันที่เราต้องทำชุดที่มีเวลาแค่หนึ่งคืนหรือแค่ไม่กี่ชั่วโมงบ่อยมาก แล้วทุกคนที่เข้ามาขอความช่วยเหลือจากเราเขาก็มักจะถามว่าชุดนี้ทำนานเท่าไหร่ใช้เวลากี่วัน เราก็บอกว่าพรุ่งนี้ก็เสร็จแล้วทำคืนเดียว พูดจนมันกลายเป็นคำพูดติดปาก จนเราต้องสร้างแฮชแท็กขึ้นมาเองว่า #ใช่ค่ะชุดนี้ตัดคืนเดียว เป็นการตอบคำถามไปเลยในช่วงนั้น”

          ด้วยความมุ่งมั่น และไม่เคยหยุดพัฒนาตัวเองของทอไหม เธอได้มีโอกาสในการเดินทางเข้าสู่รายการ Drag Race Thailand Season 2 และยังได้ต่อยอดเส้นทางด้านการเป็นดีไซเนอร์ที่เธอรักด้วยการเปิดทอไหม สตูดิโอ เพื่อรองรับความต้องการจากบรรดาลูกค้าที่ต่างชื่นชอบผลงานของเธอเป็นจำนวนมาก “ ตอนแรกเราทำงานแบบฟรีแลนซ์ ตัดชุดให้กับศิลปินดารา ทำงานอยู่เบื้องหลัง พอวันหนึ่งเริ่มรู้สึกว่างานค่อนข้างที่จะล้นมือ ประจวบเหมาะกับช่วงนั้นเราสนใจในส่วนของการเป็น Drag Queen เราก็ Drag ในเวลาว่างหรือช่วงที่เราเครียดจากงาน เรารู้สึกว่าความ Drag คืออีกหนึ่งเรื่องของชีวิตที่เป็นความสุขของเรา จึงได้มีโอกาสได้เข้าประกวด Drag Race Thailand Season 2 แล้วเราก็ใช้ชื่อทอไหมในการประกวด ทำให้คนยิ่งจดจำเราในชื่อนี้มากขึ้นจนจบรายการออกมา ทุกคนก็บอกว่า ‘ทำงานคนเดียวมันเหนื่อยเกินไปแล้วนะ’ เราเองก็คิดว่าก็คงจะถึงเวลาแล้วที่จะเปิดสตูดิโอเอง และเราเอง ก็มีจุดขายกับการที่เราสามารถทำชุด หรือ เสกชุดงานคุณภาพชิ้นหนึ่งให้เสร็จได้ภายในเวลาอันรวดเร็วตามที่ลูกค้าต้องการ ก็เลยหยิบจุดนี้มาบวกกับชื่อของเรา พอรวมกันเราก็มองว่ามันน่าจะเป็นจุดขายเป็นการเริ่มธุรกิจของเราได้ดี ปัจจุบันนี้ ทอไหมสตูดิโอ เปิดมาได้ 3 ปีเต็มแล้ว ในส่วนของการดูแลธุรกิจ เรามีพาร์ทเนอร์ที่ช่วยดูแลในส่วนของการตลาด ส่วนตัวเราจะเน้นดูในเรื่องของคุณภาพงานที่เราต้องรักษาไว้ ไม่ว่าจะเป็นตัวเนื้องาน ระยะเวลา หรืออะไรก็แล้วแต่ เรามองว่าตรงนี้เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ลูกค้ายังคงอยู่กับเราไม่ว่าจะเป็นลูกค้าเก่าหรือใหม่ หากคนต้องการชุดด่วน ชุดไว ไม่ว่าจะวงการไหนถ้าคุณต้องการชุดด้วยเวลาที่จำกัด คนแรกที่คุณจะนึกถึงต้องเป็นทอไหม แล้วในวันนี้หลายคนก็นึกถึงเราเป็นที่แรกจริง ๆ”
          จากการพัฒนาต่อยอดผลงานบวกกับความเร็ว และคุณภาพที่ส่งมอบให้กับผู้ใช้บริการเสมอมาของทอไหม ทำให้เธอได้สร้างปรากฎการณ์ที่ชาวโซเชียลมีเดียต่างก็ต้องจดจำเธอในฐานะเจ้าของ #ใช่ค่ะชุดนี้ตัดคืนเดียว โดยเธอได้เล่าที่มาของแฮชแท็กนี้ว่า “ทุกคนที่ร่วมงานกับเราเขาจะรู้ว่าเราเป็นคนทำงานได้เร็วมากในการทำชุดชุดหนึ่งขึ้นมา ทุกคนจะรู้ว่าถ้าเกิดต้องการงานด่วนให้มาหาทอไหม จนกระทั่งถึงวันที่เราต้องทำชุดที่มีเวลาแค่หนึ่งคืนหรือแค่ไม่กี่ชั่วโมงบ่อยมาก แล้วทุกคนที่เข้ามาขอความช่วยเหลือจากเราเขาก็มักจะถามว่าชุดนี้ทำนานเท่าไหร่ใช้เวลากี่วัน เราก็บอกว่าพรุ่งนี้ก็เสร็จแล้วทำคืนเดียว พูดจนมันกลายเป็นคำพูดติดปาก จนเราต้องสร้างแฮชแท็กขึ้นมาเองว่า #ใช่ค่ะชุดนี้ตัดคืนเดียว เป็นการตอบคำถามไปเลยในช่วงนั้น”

เสน่ห์ชวนฝันกับความน่าหลงใหลที่ไม่มีสิ้นสุดบนเส้นทางสายดีไซเนอร์

          เมื่อถามถึงสิ่งที่ดึงดูดให้ทอไหมยังคงหลงใหลในสายงานการเป็นดีไซเนอร์ แม้จะอยู่กับสิ่งเหล่านี้มาแล้วไม่ต่ำกว่า10ปีเราก็ได้รับคำตอบว่า
          “ด้วยความที่ความต้องการหรือเทรนด์ทุกอย่างมีความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด ทุกวันที่ตื่นขึ้นมา
หรือ ทุกครั้งที่งานเข้ามาใหม่ เราไม่เคยเจออะไรที่ซ้ำซากหรือน่าเบื่อเลย มันกลับทำให้เรารู้สึกถึงความท้าทายใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา สิ่งเหล่านี้มาเป็นโจทย์ที่ทำให้เราได้ทะลายตัวเองจากการหาคำตอบว่าต้องทำยังไงให้เสร็จทันเวลา ต้องทำยังไงให้สวย ต้องทำยังไงถึงจะตรงตามความต้องการหรือความพึงพอใจของลูกค้า และพอเราได้เห็นผลงานของเราที่ออกมาเป็นชุดแบบที่เราคิดจริง ๆ เราก็จะรู้สึกภูมิใจทุกครั้ง ยิ่งตอนนี้เราขยายธุรกิจขึ้นเป็นองค์กรที่มีลูกน้อง มีพนักงาน มีเพื่อนในทีมคอยช่วยกันหลาย ๆ ด้าน
เรายิ่งรู้สึกว่ามันไม่ใช่ความสุขของเราคนเดียวแล้ว ตอนนี้มันกลายเป็นความสุขของทุกคนที่ได้เห็นผลงาน
ที่ช่วยกันสร้างขึ้นมา แล้วเขาภูมิใจไปด้วยกัน ตรงนี้แหละที่มันยังเป็นไฟเป็น Passion ในชีวิตในการทำงานของเราอยู่จนถึงทุกวันนี้” พรสวรรค์อาจเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ทำให้ทอไหมสามารถที่จะรังสรรค์ผลงานออกมาได้อย่างต่อเนื่อง แต่พรแสวงจากความมุ่งมั่นตั้งใจ และพร้อมทุ่มเทไปกับสิ่งที่เธอรักต่างหากล่ะที่ทำให้ผลงานของเธอมีความโดดเด่น และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร วันนี้ทอไหมเป็นอีกหนึ่งคนที่พิสูจน์ให้เราเห็นแล้วว่าการได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรักอย่างเต็มความสามารถก็นับเป็นเส้นทางหนึ่งที่นำไปสู่ความสำเร็จได้เช่นกัน

          เมื่อถามถึงสิ่งที่ดึงดูดให้ทอไหมยังคงหลงใหลในสายงานการเป็นดีไซเนอร์ แม้จะอยู่กับสิ่งเหล่านี้มาแล้วไม่ต่ำกว่า10ปีเราก็ได้รับคำตอบว่า
          “ด้วยความที่ความต้องการหรือเทรนด์ทุกอย่างมีความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด ทุกวันที่ตื่นขึ้นมา
หรือ ทุกครั้งที่งานเข้ามาใหม่ เราไม่เคยเจออะไรที่ซ้ำซากหรือน่าเบื่อเลย มันกลับทำให้เรารู้สึกถึงความท้าทายใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา สิ่งเหล่านี้มาเป็นโจทย์ที่ทำให้เราได้ทะลายตัวเองจากการหาคำตอบว่าต้องทำยังไงให้เสร็จทันเวลา ต้องทำยังไงให้สวย ต้องทำยังไงถึงจะตรงตามความต้องการหรือความพึงพอใจของลูกค้า และพอเราได้เห็นผลงานของเราที่ออกมาเป็นชุดแบบที่เราคิดจริง ๆ เราก็จะรู้สึกภูมิใจทุกครั้ง ยิ่งตอนนี้เราขยายธุรกิจขึ้นเป็นองค์กรที่มีลูกน้อง มีพนักงาน มีเพื่อนในทีมคอยช่วยกันหลาย ๆ ด้าน เรายิ่งรู้สึกว่ามันไม่ใช่ความสุขของเราคนเดียวแล้ว ตอนนี้มันกลายเป็นความสุขของทุกคนที่ได้เห็นผลงานที่ช่วยกันสร้างขึ้นมา แล้วเขาภูมิใจไปด้วยกัน ตรงนี้แหละที่มันยังเป็นไฟเป็น Passion ในชีวิตในการทำงานของเราอยู่จนถึงทุกวันนี้” พรสวรรค์อาจเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ทำให้ทอไหมสามารถที่จะรังสรรค์ผลงานออกมาได้อย่างต่อเนื่อง แต่พรแสวงจากความมุ่งมั่นตั้งใจ และพร้อมทุ่มเทไปกับสิ่งที่เธอรักต่างหากล่ะที่ทำให้ผลงานของเธอมีความโดดเด่น และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร วันนี้ทอไหมเป็นอีกหนึ่งคนที่พิสูจน์ให้เราเห็นแล้วว่าการได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรักอย่างเต็มความสามารถก็นับเป็นเส้นทางหนึ่งที่นำไปสู่ความสำเร็จได้เช่นกัน

          ในวันนี้ธุรกิจที่ทอไหมทำเป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวส่วนหนึ่งของความสำเร็จเท่านั้น เพราะความสุขและ
ความสำเร็จที่แท้จริงสำหรับเธอคือ การได้ทำในสิ่งที่เธอรัก และสามารถใช้อาชีพของเธอในการสร้างความสุขให้กับคนอื่นได้เช่นเดียวกัน “เรารู้สึกว่าเสน่ห์ของการเป็นดีไซน์เนอร์ คือการเริ่มต้นจากที่ไม่มีอะไรเลย แต่เราสามารถที่จะสร้างแล้วดึงบุคลิกหรือดึงความสวยของคน ๆ หนึ่งออกมาแล้วทำให้เขาภูมิใจในตัวเองได้ เราได้สร้างความสุขในการที่ทำให้ลูกค้าหรือคนที่มาใช้บริการกับเรามีความสุขกับตัวเขาเองในแบบที่เขาชอบ เพราะฉะนั้นเรารู้สึกว่าตรงนี้มันเป็นความสุขที่ยิ่งกว่าความสุขของเรา ไม่ใช่แค่เราทำให้ตัวเองมีความสุขแต่เราทำให้
คนอื่นที่มาหาเรา ได้รับบริการจากเรามีความสุขไปด้วยเหมือนกัน ทุกอาชีพมีคุณค่ากับสังคมกับโลกใบนี้
เพราะฉะนั้นการที่เรารัก เราศรัทธา และเรามีความสุขกับการทำอาชีพไม่ว่าจะอาชีพไหน ๆ นั่นแหละที่เรียกว่าความสำเร็จ”
“งานทุกชุดที่เราได้ทำมันคือความสำเร็จที่ทำให้เรารู้สึกภูมิใจและมี Passion มาจนถึงวันนี้

          ในวันนี้ธุรกิจที่ทอไหมทำเป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวส่วนหนึ่งของความสำเร็จเท่านั้น เพราะความสุขและความสำเร็จที่แท้จริงสำหรับเธอคือ การได้ทำในสิ่งที่เธอรัก และสามารถใช้อาชีพของเธอในการสร้างความสุขให้กับคนอื่นได้เช่นเดียวกัน “เรารู้สึกว่าเสน่ห์ของการเป็นดีไซน์เนอร์ คือการเริ่มต้นจากที่ไม่มีอะไรเลย แต่เราสามารถที่จะสร้างแล้วดึงบุคลิกหรือดึงความสวยของคน ๆ หนึ่งออกมาแล้วทำให้เขาภูมิใจในตัวเองได้ เราได้สร้างความสุขในการที่ทำให้ลูกค้าหรือคนที่มาใช้บริการกับเรามีความสุขกับตัวเขาเองในแบบที่เขาชอบ เพราะฉะนั้นเรารู้สึกว่าตรงนี้มันเป็นความสุขที่ยิ่งกว่าความสุขของเรา ไม่ใช่แค่เราทำให้ตัวเองมีความสุขแต่เราทำให้คนอื่นที่มาหาเรา ได้รับบริการจากเรามีความสุขไปด้วยเหมือนกัน ทุกอาชีพมีคุณค่ากับสังคมกับโลกใบนี้ เพราะฉะนั้นการที่เรารัก เราศรัทธา และเรามีความสุขกับการทำอาชีพไม่ว่าจะอาชีพไหน ๆ นั่นแหละที่เรียกว่าความสำเร็จ”
“งานทุกชุดที่เราได้ทำมันคือความสำเร็จที่ทำให้เรารู้สึกภูมิใจและมี Passion มาจนถึงวันนี้