หนุ่มยอดกตัญญู สู้ชิวิต
เรียนและทำงานเพื่อหาเงินเลี้ยงดูตากับยาย
นายอภิรุณ บุญมี (จั๊ม)
นักเรียนทุน SCG Sharing The Dream โดย มูลนิธิเอสซีจี
โรงเรียนชะอำคุณหญิงเนื่องบุรี จังหวัด เพชรบุรี
น้องจั๊ม หนุ่มยอดกตัญญูอายุ 18 ปี ผู้ไม่ท้อต่อโชคชะตาใช้ความขยันอดทน นำทางชีวิต เล่าถึงภูมิหลังตัวเองว่า ตัวเองเป็นเด็กกำพร้า แม่จากไปตั้งแต่ตอนเขาอายุ 5 ขวบ พ่อแยกไปมีครอบครัวใหม่ เขาจึงต้องอยู่ในการเลี้ยงดูของตากับยายมาตั้งแต่เล็ก ตากับยายมีอาชีพทำงานรับจ้างทั่วไป รายได้ไม่แนนอน ครอบครัวถือว่าฐานะยากจนและลำบาก มีบ่อยครั้งที่ไม่มีเงินใช้จ่ายในครอบครัว ในการซื้อข้าวปลาอาหาร จ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าไปโรงเรียนทำให้ยายต้องไปเอ่ยปากขอหยิบยืมจากญาติพี่น้อง ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกแย่ที่ต้องไปคอยพึ่งพาคนอื่นอยู่ตลอด เมื่อเขาโตพอที่จะทำงานได้แล้วจึงตัดสินใจออกไปหางานพิเศษทำเพื่อที่จะได้ช่วยแบ่งเบาภาระของตากับ ยาย เขาได้งานเป็นพนักงานเสิร์ฟอาหารที่ร้านหมูกระทะแถวบ้าน ได้รับค่าจ้างวันละ 200 บาท สร้างรายได้มาช่วยเหลือจุนเจือครอบครัวทำให้ตากับยายไม่ต้องเหน็ดเหนื่อย ตรากตรำทำงานหนักเหมือนอย่างที่ผ่านมา
ในปัจจุบันจั๊มถือเป็นเสาหลักในการหาเงินเข้าบ้าน โดยในช่วงเปิดเทอมเขาจะทำงานที่ร้านหมูกระทะเฉพาะวันศุกร์ – เสาร์ ตั้งแต่เวลา 16.00-22.00 น. ส่วนวันอาทิตย์เขาจะทำการบ้าน ทำรายงาน และซักผ้า รีดผ้า ล้างจาน และทำความสะอาดบ้าน ถือเป็นอีกหน้าที่ที่เขารับผิดชอบ แต่ในช่วงปิดเทอมเขาจะไปทำงานทุกวัน และเปลี่ยนเวลาช่วยทำงานบ้านมาเป็นในช่วงกลางวันแทน แต่ตอนนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิดรุนแรง แม้ร้านหมูกระทะที่เขาทำงานยังเปิดอยู่แต่เขาก็ต้องถูกลดค่าแรงลงเพราะร้านมีลูกค้าน้อยลงกว่าเดิม แต่เขาก็ยังยิ้มสู้ เพราะถ้ารู้จักใช้อย่างประหยัด ไม่ฟุ่มเฟือย เขาและครอบครัวก็จะผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปได้
น้องจั๊มมีความใฝ่ฝันในชีวิต คือ อยากเรียนจบปริญญาตรี เพราะเขาจะเป็นคนแรกของครอบครัวที่ได้มีโอกาสเรียนสูงถึงระดับนี้ ซึ่งเขาได้รับโอกาสอันดีจากมูลนิธิเอสซีจีที่ได้มอบทุนการศึกษาต่อเนื่องจนจบปริญญาตรีให้กับเขา จั๊มฝันต่อไปว่าเมื่อเรียนจบอยากประกอบอาชีพเป็นครู เพื่อที่จะได้บ่มเพาะสร้างคนเก่งและดีที่มีคุณธรรม มาเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติ แต่ความฝันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขาคืออยากทำให้ตากับยายมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ทั้งทางร่ายกาย จิตใจ และมีสุขภาพที่แข็งแรง ถือเป็นการทดแทนพระคุณที่ท่านทั้งสองเมตตาดูแลเขามาตลอดชีวิต แม้หนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล เพราะตอนนี้เขาเพิ่งจะเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เขายังต้องเจอปัญหาและอุปสรรคอีกมากที่ต้องฝ่าฟัน ไปให้ได้ แต่เขาก็ไม่คิดถอดใจ เพราะเขามีตากับยายเป็นแรงบันดาลใจ เป็นพลังที่ช่วยขับเคลื่อน นำพาชีวิตเขาไปสู่ความสำเร็จ
“สำหรับใครที่กำลังท้อ หรือรู้สึกหมดหวังในชีวิต อย่าพึ่งยอมแพ้มันนะครับ ผมเป็นคนหนึ่งที่เคยรู้สึกท้อแท้ในชีวิต ผมเกิดในครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์ ต้นทุนชีวิตผมก็ไม่เท่ากับคนอื่นๆ แต่ผมก็ยังไม่ยอมแพ้มัน อย่าลืมว่า เรายังมีคนที่คอยห่วงเราอยู่ เวลาผมเหนื่อยหรือท้อ ผมจะนึกถึงหน้าตากับยายเสมอ เพราะมันช่วยเตือนสติผม ทำให้ผมรู้สึกว่าเรายังท้อไม่ได้ ยังมีคนที่เฝ้าคอยดูความสำเร็จของเราอยู่ เรายังไม่ได้ทำให้ท่านสบายเลย ทำให้ผมมีเรี่ยวแรงที่จะต่อสู้และก้าวต่อไปในชีวิต แม้จะต้องเสียน้ำตา หรือผิดหวังกับอะไร ก็ขอให้อย่าท้อแท้ อย่าหมดหวัง อย่าล้มแล้วไม่ลุกขึ้นสู้ เพราะทุกปัญหาที่ถาโถมเข้ามาล้วนเป็นบทพิสูจน์ความเข้มแข็ง ปลุกเลือดนักสู้ในตัวเรา ว่าเราเข้มแข็งพอมั้ย เราสู้จริงหรือเปล่า พอเราก้าวผ่านปัญหาตรงนี้ไปได้ ผมรับรองเลยว่าแม้ต่อไปจะต้องเจอปัญหาอีกสักกี่ครั้ง เราก็จะสามารถก้าวข้ามผ่านพ้นมันไปได้”