ชนัญณิฏา วงทองเหลือ (ยีนส์)

อดีตนักเรียนทุน มูลนิธิเอสซีจี

เหนื่อยตั้งแต่เด็ก

          ชีวิตตอนเด็กไม่ได้สบาย ‘โย – เมธี เจริญสุข’ ก็เลยมีแรงฮึด วางแพลนอนาคตให้ตัวเองและครอบครัวมาตลอด “ผมเป็นเด็กราชบุรี ครอบครัวก็ฐานะปานกลาง ทำการเกษตรและรับจ้างทั่วไป เรียนโรงเรียนวัดข้างบ้าน วันหยุดเสาร์อาทิตย์ก็ทำงานก่อสร้าง ใช้แรงงานตลอดครับ เหนื่อยเหมือนกัน คิดว่าถ้าไม่ตั้งใจเรียนอนาคตก็อาจเหนื่อยกว่านี้แหละ”

แรงบันดาลใจและเงินก้อนสุดท้ายที่จะขอ

          ช่วงมัธยมฯ โยชอบคณิตศาสตร์และวิชาที่เป็นแนววิทยาศาสตร์ แรงบันดาลใจสำคัญของโยมาจากรายการทีวีที่ชอบดูช่วงเช้าวันหยุด “ตอนนั้นผมชอบดูโมเดิร์นไนน์ ทีวี เขาจัดประกวดหุ่นยนต์ ชื่อที่ได้ยินติดหูคือทีมจากธุรกิจบัณฑิตย์ ดูแล้วชอบ อยากเรียนคณะนี้ เป็นวิศวกรรมโลจิสติกส์ของ ม.นี้เลย แต่ตอนนั้นที่บ้านไม่มีเงิน ผมก็ตัดสินใจนานนะว่า จะทำงานเก็บเงินก่อนหรือเรียนต่อ สุดท้ายก็คุยกับพ่อขอเงินก้อนสุดท้ายไปเรียน ป.ตรี พ่อก็ให้ ผมก็จะใช้เงินนี้แหละพิสูจน์ตัวเองและทำให้สำเร็จครับ” พอเข้ามาเรียนโยก็พบว่าไม่ได้หมูเลย “ผมพูดกับตัวเองนะ มาทำอะไรที่นี่วะ (หัวเราะ) เจอคณิตศาสตร์และฟิสิกส์เข้าไปคือยากมาก ที่เรารู้มาเป็นแค่เบสิกเอง แต่วิชาโลจิสติกส์และห่วงโซ่อุปทานก็ช่วยเปิดโลก ถึงจะยากแต่น่าจะใช้ได้จริงตอนทำงาน เพราะมันอยู่ตามกระบวนการของธุรกิจเลยครับ”

เด็กล่าทุน

          ตั้งฉายาให้เลยว่าเป็นเด็กล่าทุน ช่องทางไหนแบ่งเบาภาระที่บ้านได้โยคว้าไว้หมด “ช่วงเรียนปี 2 ผมรู้จักพี่ของเพื่อนที่ทำงานอยู่เอสซีจี แล้วก็คงเห็นความสามารถ เขาก็แนะนำทุนมา ผมตกลงสมัครเลย ผมขอทุนเยอะนะ ทั้งทุนมหาวิทยาลัย ทุนพระราชทาน ฯลฯ ทุนอะไรผมก็สมัคร พอได้ทุนมูลนิธิเอสซีจีมาก็ช่วยได้เยอะ ลดภาระคุณพ่อครึ่งนึงเลย”

เติบโตแบบก้าวกระโดด

          โยเป็นคนรู้จักแพลนและชอบคิดอะไรแบบมีระบบ แถมยังขยันอัปสกิลตัวเองให้ครบเครื่องแบบไม่มีพัก “ตอนเรียนจะมีวิชาเบสิกเกี่ยวกับภาษา C เรียนแล้วชอบ รู้สึกเป็นสกิลสำคัญในยุคเทคโนโลยี ก็เลยหาหนังสือมาอ่านแล้ว ฝึกเขียนโปรแกรมเองจนทำได้ครับ” การหางานหลังเรียนจบของโยเลยไม่ได้ยากถึงขั้นเดินเตะฝุ่น เพราะสกิลที่ฉายแสง ทำให้บริษัทที่โยสมัครก็อยากลองฝีมือ “ผมได้งานก่อนเรียนจบเดือนนึง เป็นวิศวกรโลจิสติกส์ งานยากมาก รู้เลยว่าประสบการณ์สำคัญกว่าเกียรตินิยมอีก ต้องบริหาร คุมงาน โลจิสติกส์ รถร้อยกว่าคัน พนักงานโอเปอเรเตอร์กว่า 200 คน” ฟังแล้วก็ทึ่งกับสกิลงานที่โยทำในอายุไม่ถึง 25 “ทำอยู่ 6 เดือนผมก็ได้โปรโมตเป็นหัวหน้าส่วนโลจิสติกส์ พอครบ 1 ปีก็ได้เป็นรองผู้จัดการส่วน โลจิสติกส์ครับ” ก้าวกระโดดเบอร์นี้ก็สงสัยในใจอยู่ว่า โยมีดีอะไร ซึ่งฟังแล้วก็เก็ต “ผมเน้น Value เสมอในการทำงาน ประชุมกับผู้บริหารทุกครั้งผมจะเสนอ Value ที่ทำได้จริง และให้เขาเห็นภาพทั้งมูลค่าเงิน มูลค่างาน ช่วง 6 เดือนแรกผมจับ Value ที่เป็นต้นทุนโลจิสติกส์ได้ชัด คุม Timeline ได้ จัดการเรื่องดร็อปสินค้า แล้วก็คิดว่าเป็นเพราะสกิลเขียนโปรแกรมที่ผมฝึกมา บริษัทไม่ต้องจ้างโปรแกรมเมอร์เลยครับ ใช้โปรแกรมที่ผมเขียน เป็นแอปที่ใช้หลักการคล้าย Grab เอาไว้ใช้ Track รถขนส่ง ผมก็เลยได้โปรโมตเร็ว” อายุเท่านี้เติบโตได้เบอร์นี้ก็ถือว่าไวมาก ตัวโยภูมิใจ ครอบครัวก็ภูมิใจ “การทำงานองค์กรใหญ่ต้องปรับตัวไว ๆ ครับ โดยเฉพาะในตำแหน่งตัวเอง ผมว่าสิ่งที่ยากคือการวางตัวในตำแหน่ง แล้วก็การคิดวิเคราะห์เชิงกลุ่ม ซึ่งสำคัญมาก โดยเฉพาะงานที่ต้องวางเทคนิคเชิงกลยุทธ์ครับ”