ชนัญณิฏา วงทองเหลือ (ยีนส์)

อดีตนักเรียนทุน มูลนิธิเอสซีจี

แอบตามไปดู

          ใช้ชีวิตชิล ๆ ตามประสาฮอร์โมนวัยว้าวุ่น เห็นพ่อแม่ทำนาเหนื่อย ตอนแรกก็ไม่คิดอะไร พอนานเข้า ‘พล – ทรงพล ทองมี’ ก็เอะใจ “ตอนนั้นผมอยู่ ม.5 เห็นพ่อแม่ทำงานไม่หยุด มีวันนึงผมเห็นเขาตื่นเช้ามาก จะไปไหนกันไม่รู้ ผมก็แอบตามไปดู เห็นแล้วตกใจมาก พ่อแม่ไปรับจ้างดูดส้วม ตักบ่อเกรอะ ตอนนั้นก็คิดเลยว่า ไม่ได้แล้ว…บ้านเราขัดสนขนาดนี้ ต้องรีบเรียนให้จบแล้วทำงานหาเงินมาช่วย”

เลือกเรียนตามหัวใจ

          พอรู้แล้วว่าพ่อแม่ต้องเหนื่อยเบอร์ไหน พลก็เปลี่ยนตัวเองเพื่ออนาคตและแพลนทุกอย่างเป็นสเต็ป หลังจากได้คุยกับรุ่นพี่และอาจารย์ที่มาแนะนำเรื่องเรียนต่อ พลก็ปิ๊งไอเดียในสิ่งที่อยากเรียน “ผมสนใจเรื่องเคมีสิ่งแวดล้อมครับ ดูหลากหลาย ไม่เหมือนเคมีเพียว ๆ เลยว่าจะเรียนสาขานี้ ไม่ที่ลาดกระบังก็บางมด สุดท้ายก็มาลงของลาดกระบัง เป็นเคมีประยุกต์” ตอนปรึกษาครอบครัวก็มีแต่ความเห็นดีเห็นงาม พลตั้งใจกู้ กยศ. พ่อแม่ก็พูดจนซึ้งน้ำตาไหล “เขาบอกผมว่า ไม่ต้องกดดันตัวเอง อยากเรียนอะไรให้เรียน เรียนในสิ่งที่ชอบ ไม่ต้องคิดถึงทางบ้าน ผมรักพ่อแม่มาก เพราะเขาไม่เคยกดดันผม” ซึ่งสาขาที่พลเรียนก็ตอบโจทย์ความถนัดได้โอเค “คงเพราะผมสนใจ ก็เลยสนุกกับหลายวิชา อันไหนไม่รู้ผมก็สนุกที่จะแก้โจทย์ หาความรู้เพิ่ม ถามว่ายากไหม ก็ยาก ความรู้ต้องแน่น ต้องเอาเคมีไปประยุกต์กับเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อมให้ได้ ก็เหนือความคาดหมายสำหรับผมเหมือนกัน”

ไม่เบาทั้งค่าเทอมและค่าครองชีพ

          เพราะฐานะทางบ้านที่ไม่ดี การมีเงินทุนมาช่วยยังไงก็เป็นทางเลือกที่โอเค “ค่าเทอมไม่ธรรมดาเหมือนกันครับ ไหนจะค่าครองชีพ เพราะผมต้องอยู่หอเอง ก็เลยหาทุนตั้งแต่ขึ้นปี 1 ช่วงเทอม 2 ได้ทุนของมหาวิทยาลัยมาส่วนหนึ่ง แล้วก็โชคดีที่มีทุนของมูลนิธิเอสซีจี อาจารย์มาแนะนำผมก็สมัครไป ซึ่งก็ได้ด้วย ดีใจมากเพราะช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายได้เยอะเลย”

ค่อย ๆ ปรับการ Manage

          ถ้างานที่ชอบมอบรายได้ปัง ๆ ในบัญชีด้วยก็โอเค เพราะพลไม่ได้มองแค่ตัวเอง ยังมีพ่อแม่ที่ต้องซัปพอร์ตให้สุขสบาย และด้วยสกิลที่พัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ ของพลก็ทำให้เขาป็อปปูลาร์ไม่แผ่ว “ช่วงปี 4 ผมได้ไปทำโปรเจกต์ตอนใกล้จบให้บริษัทแห่งหนึ่ง เราต้องเอาเทคโนโลยีไปช่วยแก้ปัญหาให้เขา พอจบงานปุ๊บเขาก็ชวนให้ผมทำงานต่อ แต่ก็ปฏิเสธไป เพราะรู้สึกว่ายังไม่ใช่ทาง สุดท้ายผมมาสัมภาษณ์อีกที่หนึ่ง ซึ่งก็คือที่ทำงานปัจจุบันครับ” มีประสบการณ์มาและสกิลดี ก็เลยได้เป็นนักเคมีในห้องแล็บสมใจอยาก แต่มือใหม่หัดเข้าแล็บ เก่งมาจากไหนก็ต้องเรียนรู้ใหม่ “งานที่ทำคือใช่เลย เพราะผมชอบเข้าห้องแล็บ ชอบทดลอง ซึ่งที่นี่ได้ทำทุกวัน แต่ทำงานจริงต่างจากตอนเรียน ต้องปรับตัวเยอะ โดยเฉพาะเรื่อง Manage บริหารจัดการเวลา ทำหลายอย่างพร้อมกัน” โดยหน้าที่หลักของพลคือ วิเคราะห์สารตัวอย่างของบริษัทที่ส่งเข้ามา ซึ่งมีเพียบเลยในแต่ละวัน การจัดสรรเวลาคือต้องขั้นเทพ “วันนึงมีหลายตัวก็ต้องทำให้ได้ แต่การวิเคราะห์สารตัวนึงต้องใช้กระบวนการและเวลา เร่งให้เร็วขึ้นยาก ผมทำงานกลับถึงหอเที่ยงคืนอยู่เป็นเดือน แต่ทั้งหัวหน้าและเพื่อนร่วมงานก็น่ารักครับ ช่วยกันแนะนำแนวทางที่ทำให้งานเร็วขึ้น ซึ่งผมก็ค่อย ๆ ปรับและทำได้”