จากความล้มเหลวสู่เจ้าของแฟรนไชส์
ชาไข่มุก MARU CHA
ออฟ-อภิสิทธิ์ คงสิน
ผู้บริหาร บริษัท มารุชา จำกัด
ความสําเร็จไมไดมาเพราะโชคชวย แตเพราะความพยายามของตัวเอง
ออฟ-อภิสิทธิ์ คงสิน เด็กต่างจังหวัดท่ีเรียนจบแค่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 แต่มีความปรารถนา อันแรงกล้าที่อยากจะเปลี่ยนชีวิตตัวเอง ให้เป็นคนท่ีประสบความสําเร็จ เพื่อลบคําสบประมาทว่า
เป็นคนไม่มีอนาคต ชีวิตต้องยากลําบากเพราะเรียนมาน้อย วันนี้เขาได้พิสูจน์แล้วว่าลิขิตฟ้าไม่สู้ มานะตน ปัจจุบันเขาดํารงตําแหน่ง CEO เจ้าของธุรกิจชาไข่มุกที่มีแฟรนไชส์กว่า 500 สาขาทั้งใน ประเทศและต่างประเทศ
ความสําเร็จไมไดมาเพราะโชคชวย แตเพราะความพยายามของตัวเอง
ออฟ-อภิสิทธิ์ คงสิน เด็กต่างจังหวัดท่ีเรียนจบแค่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 แต่มีความปรารถนา อันแรงกล้าที่อยากจะเปลี่ยนชีวิตตัวเอง ให้เป็นคนท่ีประสบความสําเร็จ เพื่อลบคําสบประมาทว่า เป็นคนไม่มีอนาคต ชีวิตต้องยากลําบากเพราะเรียนมาน้อย วันนี้เขาได้พิสูจน์แล้วว่าลิขิตฟ้าไม่สู้ มานะตน ปัจจุบันเขาดํารงตําแหน่ง CEO เจ้าของธุรกิจชาไข่มุกที่มีแฟรนไชส์กว่า 500 สาขาทั้งใน ประเทศและต่างประเทศ
ความยากจน คือ ต้นทุนชีวิตที่ผลักดันให้ต้องพาชีวิตก้าวไปข้างหน้า
ออฟ เด็กหนุมตางจังหวัด เขาเกิดที่จังหวัดพิจิตร ดวยฐานะที่ยากจนทําใหพอกับแมตองไปทํางานที่กรุงเทพฯ และฝากออฟใหปูกับยาชวยดูแล ออฟ มีชีวิตวัยเด็กที่คอนขางลําบากเวลาไปโรงเรียนมีบอยครั้งที่ไปขอขนมเพื่อนกิน บางทีก็ตองไปหยิบขนมจากถังขยะขึ้นมากินซึ่งเปนขนมที่คนอื่นกินเหลือ แลวทิ้งไว ทําใหเพื่อนๆ พากันลอจนเขารูสึกวามีปมดอยเรื่องความจน
เมื่อเรียนจบชั้นประถมศึกษาปที่ 6 ดวยครอบครัวไมมีเงินสงเสียใหเรียนและในอดีตออฟก็เปนเด็กเกเร จึงไมไดเรียนตอชั้นมัธยม พออายุได 13 ป พอ กับแมรับออฟมาอยูดวยกันที่กรุงเทพฯ เขาเริ่มตนทํางานรับจางขายของตามตลาดนัด กระทั่งถึงชวงที่เศรษฐกิจย่ําแยไมสามารถครองชีพไดในเมือง ใหญ พอกับแมจึงตัดสินใจกลับบานที่ตางจังหวัดแลวเปดรานขายกวยเตี๋ยว ชวงเวลากลางวันออฟชวยพอกับแมขายกวยเตี๋ยว แลวออกไปรับจางเลน ดนตรีท่ีรานอาหารชวงกลางคืน
ออกแบบเสนทางเดินชีวิตนําไปสูประตูแหงความสําเร็จ
ออฟเลนดนตรีกลางคืนอยูได 2 ป ก็หันไปขายน้ําที่หนาโรงเรียนมัธยมอยูซักพักกอนเลิกขายแลวยายไป อยูใน ตัวเมือง เขาเริ่มตนหางานใหมโดยขี่มอเตอรไซคตระเวนหางานทั่วเมืองไปทุกที่ที่เห็นวามีติดประกาศ
รับสมัครงาน แตดวยวุฒิการศึกษาที่จบแคชั้นประถม 6 และรูปลักษณที่มีรอยสัก จึงไมมีใครรับเขาทํางาน ออฟใชเวลาหางาน อยูเกือบเดือนจนไดงานเปนพนักงานเสิรฟที่รานอาหารแหงหนึ่ง
“ผมขี่มอเตอรไซตไปสมัครงานทั้งวัน บางวันขาวก็ไมไดกินแถมงานก็ไมไดเพราะมีแควุฒิ ป.6
มันเปนชวงที่ชีวิตยากลําบากมาก ผมเดินไปก็น้ําตาไหลไป รูซึ้งและเขาใจถึงความหมาย
ของคําวาชีวิตเลยครับ แตผมไมไดเลาใหใครฟงนะเพราะวาตอนที่ผมกลับบานไปจะมีแตคนพูดวา จบแคป.6 จะไปทําอะไรได ถาผมไปเลาวาหางานไมไดพวกเขาจะยิ่งสมน้ําหนา ผมจึงกัดฟนทนคิดในใจ
วายังไงก็ตองหางานใหได งานอะไรก็ทําหมด เราตองยืนใหไดดวยตัวเอง”
ออฟทํางานเปนเด็กเสิรฟอยูไดไมนานก็ตัดสินลาออกเพราะเขาคิดวาถาขืนยังอยูแบบน้ีชีวิตคงไมมีอะไรดีขึ้น เขาจึงเร่ิมมีความคิดวาอยากเปนเจาของธุรกิจ ท้ังที่มีเงินติดตัวอยูแค 1,000 บาท เลยนําเงินนี้มาเปนทุนไปเรียน ทําซูชิและสามารถทําเปนไดในวันเดียว เขาจึงรีบไปติดตอกับเจาของตลาดเพ่ือขอเชาที่ขายซูชิ ออฟขายซูชิไดเฉลี่ย วันละ 300-500 บาท เขาอยากขายไดเพ่ิมเปนวันละ 1,000 บาท จึงเพิ่มชองทางทําซูชิสงขายใหกับรานคาในโรงเรียน ตาง ๆ ทําใหมีรายไดเปนวันละ 1,000 บาท ตามท่ีตั้งเปาไว แตออฟยังไมหยุด
อยูแคนั้นเขายังคิดตอไปอีกวาจะทํา อยางไรใหไดเงินวันละ 10,000 บาท ซึ่งน่ีคือจุดเปล่ียนสําคัญของเสนทางชีวิตที่พาใหเขาไปสูประตูแหงความสําเร็จ
ผมคิดว่าการค้าขายมันคือทางของผม
ไม่ต้องให้ใครมากดดัน เราก็ขายของเราไป
เราเป็นเจ้านายตัวเอง พอเห็นว่าขายดีก็อยากมีรายได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
จากร้อยเป็นพัน จากพันอยากได้เป็นหมื่นต้องทำยังไง
ซึ่งคนอื่นบอกว่าได้เป็นพันก็ดีแล้วจะดิ้นรนทำไม
แต่ผมไม่คิดแบบนั้น ถ้าเรามีทางเลือกเดียวแสดงว่าเราไม่มีทางเลือกเลย
พอถึงจุดที่มันตันแล้วเราไม่มีตัวทางเลือกไว้เราจะแย่
เปลี่ยนเส้นทางได้ แต่จุดหมายอยู่ที่เดิม
จากจุดเริ่มต้นความคิดที่อยากได้เงินวันละหมื่นทำให้ออฟเริ่มหันมาทำธุรกิจอื่นอีกมากมาย อาทิ ขายเสื้อผ้า ขายครีม ให้เช่ากล้องถ่ายรูป และร้านหมูจุ่ม ธุรกิจที่ทำทั้งหมดล้วนล้มเหลว ขาดทุนไม่ประสบความสำเร็จจนไม่มีเงินเหลือ แต่ออฟก็ยังไม่ยอมแพ้ ขอตัดสินใจลุกขึ้นสู้อีกครั้ง ด้วยการยืมเงินจากญาติ จำนวน 20,000 บาท เพื่อมาเป็นทุนเปิดร้านขายชาไข่มุก เพราะเขาเคยมีประสบการณ์ขายน้ำที่หน้าโรงเรียนมาก่อนจึงมองเห็นว่า ขายง่าย ใช้เงินลงทุนน้อย และได้กำไรเยอะ
ออฟตั้งชื่อแบรนด์ชานมไข่มุขว่า มารุชา มาจากชื่อแมวที่เขาเลี้ยงไว้ ออฟเป็นผู้ออกแบบโลโก้และรูปแบบแพคเกจจิ้งเองทั้งหมดโดยเลือกใช้แก้วก้นมนซึ่งเป็นแก้วที่หลายแบรนด์ในห้างใช้กันและขายในราคา 80-90 บาท แต่ชาไข่มุกของออฟขายเพียงแก้วละ 19 บาท ก่อนวันเปิดร้าน ออฟถ่ายรูปแก้วชาไข่มุกแล้วโพสต์ลงสื่อ
โซเชียลเพื่อประชาสัมพันธ์ร้านจนเกิดเป็นกระแสนคนแชร์ออกไปกันเป็ฯหลักหมื่น
ว่า ชานมไข่มุกใช้แก้วคุณภาพแบบนี้ เขาขายแค่ 19 บาท ทำให้วันแรกในการเปิดร้านมีคนรอพิสูจน์และชิมรสชาติ ทำให้วันแรกเขาขายได้ร้อยกว่าแก้วซึ่งเยอะเกินความคาดหมาย
“ผมคาดหวังว่าขายได้ซัก 20-30 แก้วก็โอเคแล้ว แต่พอเห็นคนมายืนต่อคิวรอซื้อ
กันเยอะมากแล้วขายได้เป็นร้อยแก้วผมคิดว่าผมน่าจะมาถูกทางแล้ว ผมยืนชงขายคนเดียวทั้งวัน เหนื่อยแต่ดีใจและรู้สึกมีกำลังใจให้สู้ต่อไป ก่อนหน้านี้ผมอาจ
จะเคยล้มเหลวผิดพลาด แต่วันนี้ผมคิดว่าผมมาถูกทางแล้ว”
ด้วยรูปแบบแพคเกจจิ้งที่ดึงดูดใจวัยรุ่นและราคาที่จับต้องได้ทำให้ชาไข่มุก
มารุชา ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจนมีคนมาติดต่อเพื่อขอซื้อแฟรนไชส์เป็นจำนวนมาก ซึ่งออฟยังไม่ตอบตกลงเพราะเขาเองยังไม่รู้ว่าแฟรนไชส์คืออะไร
เขาจึงต้องเริ่มเรียนรู้อีกครั้งด้วยการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบแฟรนไชส์อยู่พักใหญ่จนเข้าใจแล้วจึงจดทะเบียน บริษัท มารุชา จำกัด ภายใต้แบรนด์
มารุชา (MARU CHA) ทำธุรกิจแฟรนไชส์ชาไข่มุกและชาเพื่อสุขภาพแฟรนไชส์เติบโตแบบก้าวกระโดดภายในระยะเวลา 2 ปี ซึ่งปัจจุบันมีแฟรนไชส์กว่า 500 สาขาทั้งในประเทศและต่างประเทศ
เปลี่ยนเส้นทางได้ แต่จุดหมายอยู่ที่เดิม
จากจุดเริ่มตนความคิดที่อยากไดเงินวันละหมื่นทําใหออฟเริ่มหันมาทําธุรกิจอื่น อีกมากมาย อาทิ ขายเสื้อผา ขายครีม ใหเชากลองถายรูป และรานหมูจุม ธุรกิจที่ ทําทั้งหมดลวนลมเหลว ขาดทุนไมประสบความสําเร็จจนไมมีเงินเหลือ แตออฟก็ยัง ไมยอมแพ ขอตัดสินใจลุกขึ้นสูอีกครั้ง ดวยการยืมเงินจากญาติ จํานวน 20,000 บาท เพื่อมาเปนทุนเปดรานขายชาไขมุก เพราะเขาเคยมีประสบการณขายน้ําที่หนา โรงเรียนมากอนจึงมองเห็นวา ขายงาย ใชเงินลงทุนนอย และไดกําไรเยอะ
ออฟตั้งชื่อแบรนดชาไขมุกวา มารุชา มาจากชื่อแมวที่เขาเลี้ยงไว ออฟเปนผู ออกแบบโลโกและรูปแบบแพคเกจจิ้งเองทั้งหมดโดยเลือกใชแกวกนมนซึ่งเปนแกว ที่หลายแบรนดในหางใชกันและขายในราคา 80-90 บาท แตชาไขมุกของออฟขาย เพียงแกวละ 19 บาท กอนวันเปดราน ออฟถายรูปแกวชาไขมุกแลวโพสตลงสื่อ โซเชียลเพื่อประชาสัมพันธรานจนเกิดเปนกระแสคนแชรออกไปกันเปนหลักหมื่น วา ชานมไขมุกใชแกวคุณภาพแบบนี้ เขาจะขายแค 19 บาท ทําใหวันแรกในการเปด รานมีคนรอพิสูจนและชิมรสชาติ ทําใหวันแรกเขาขายไดรอยกวาแกวซึ่งเยอะเกิน ความคาดหมาย
“ผมคาดหวังวาขายไดซัก 20-30 แกวก็โอเคแลว แตพอเห็นคนมายืนตอคิวรอซื้อ กันเยอะมากแลวขายไดเปนรอยแกวผมคิดวาผมนาจะมาถูกทางแลว ผมยืนชง ขายคนเดียวทั้งวัน เหนื่อยแตดีใจและรูสึกมีกําลังใจใหสูตอไป กอนหนานี้ผมอาจ
จะเคยลมเหลวผิดพลาด แตวันนี้ผมคิดวาผมมาถูกทางแลว”
ดวยรูปแบบแพคเกจจิ้งที่ดึงดูดใจวัยรุนและราคาที่จับตองไดทําใหชาไขมุก มารุชา ไดรับการตอบรับเปนอยางดีจนมีคนมาติดตอเพื่อขอซื้อแฟรนไชสเปนจํานวน มาก ซึ่งออฟยังไมตอบตกลงเพราะเขาเองยังไมรูวาแฟรนไชสคืออะไร เขาจึงตอง เริ่มเรียนรูอีกครั้งดวยการศึกษาหาความรูเพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบแฟรนไชสอยูพัก ใหญจนเขาใจแลวจึงจดทะเบียน บริษัท มารุชา จํากัด ภายใตแบรนด มารุชา (MARU CHA) ทําธุรกิจแฟรนไชสชาไขมุกและชาเพื่อสุขภาพแฟรนไชสเติบโตแบบ กาวกระโดดภายในระยะเวลา 2 ป ซึ่งปจจุบันมีแฟรนไชสกวา 500 สาขาทั้งในประเทศ และตางประเทศ
จุดเปลี่ยนจากพอคาสูเจาของธุรกิจแฟรนไชสชาไขมุก
เป้าหมายชีวิตของออฟ คือ เปลี่ยนคุณภาพชีวิตตัวเองให้ดีกว่าเดิม เป็นคนที่ประสบความสำเร็จ เลี้ยงดูตัวเองและครอบครัวได้ เพื่อพิสูจน์ว่าเด็กต่างจังหวัดที่ต้นทุนชีวิตต่ำ จบแค่ป.6 ก็มีโอกาสพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นและเป็นที่สังคมให้การยอมรับในความสามารถ ซึ่งกว่าจะเดินมาถึงจุดหมายที่เรียกว่าความสำเร็จได้นั้นมันไม่ง่ายเลย ออฟเปลี่ยนเส้นทางเดินในชีวิตหลายครั้ง มีทั้งผิดพลาดและล้มเหลวมานับครั้งไม่ถ้วนแต่เขาก็ไม่เคยยอมแพ้หรือหยุดเดิน ออฟเรียนรู้จากสิ่งที่ผิดพลาดและแสวงหาความรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอ
เขามักอ่านหนังสือเพื่อศึกษาวิธีคิดและแนวทางการดำเนินชีวิตของคนที่ประสบความสำเร็จ อาทิ Think And Grow Rich (คิดแล้วรวย) โดย Napoleon Hill (นโปเลียน ฮิลล์)
ตามด้วย Secrets of the Millionaire Mind (ถอดรหัสลับสมองเงินล้าน) โดย T. Harv Eker (ที ฮาร์ฟ เอคเคอร์) และ Rich Dad Poor Dad (พ่อรวยสอนลูก) โดย Robert T. Kiyosaki (โรเบิร์ต คิโยซากิ) และหนังสือยอดนิยมในการใช้กฏแห่งแรงดึงดูดอย่าง The Secret โดย Rhonda Byrne (รอนดา เบิร์น) ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจสำคัญที่ช่วยผลักดันให้ออฟอยากพัฒนาตัวเองจนประสบความสำเร็จเหมือนพวกเขา
“เปลี่ยนเส้นทางได้แต่จุดหมายต้องอยู่ที่เดิม ผมได้แนวคิดนี้มาจากการอ่านหนังสือของคนที่ประสบความสำเร็จ ทำให้ผมชัดเจนในเป้าหมาย ผมฟังหนังสือเสียงด้วย
ฟังเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างแต่ก็ฟัง ฟัง จนแนวคิดพวกนี้มันซึมเข้าไปในสมอง วันหนึ่งตอนตี 4 จะไปจ่ายตลาด รถผมกำลังจอดติดไฟแดงอยู่นั้น ผมบอกตัวเองอย่างมีความหวังและความฝันโดยเขียนไว้ที่ฝ่ามือว่า 1 ปี 2 ล้าน ไม่ยากจะทำให้ได้ ซึ่งตอนนั้นผมยังขายซูชิได้วันละ 500 บาท อยู่เลยนะ แล้วตอนนี้ผมเป็นเจ้าของธุรกิจทำได้มากกว่า 2 ล้าน ผมว่าทุกอย่างเป็นจริงได้ ถ้าหัวใจเราไม่ย่อท้อ ยอมแพ้ เพราะความสำเร็จจะเป็นของคนที่ไม่หยุดพยายาม”
ความลมเหลวเปนสวนหนึ่งของความสําเร็จ
“ถ้าคุณกำลังล้มเหลวนั่นแปลว่าคุณเข้าใกล้ความสำเร็จมากขึ้น ในชีวิตของผมได้มีโอกาสทำงาน
หลายอย่าง เผชิญความล้มเหลวหลายครั้งกว่าจะประสบความสำเร็จ ผมเชื่อว่าไม่มีใครที่เกิดมาแล้วทำอะไรก็สำเร็จเลย ถึงมีก็มีน้อยมาก เพราะฉะนั้นการได้ลิ้มรสชาติของความล้มเหลว
มันจะทำให้เรายิ่งเข้มแข็ง และยิ่งอยากที่จะประสบความสำเร็จให้เร็วขึ้น”
‘ความล้มเหลวเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จ’ เป็นคำพูดที่ผมมักจะพูดเสมอเมื่อให้สัมภาษณ์กับรายการต่าง ๆ ออฟพบกับปัญหาและอุปสรรคมาแล้วมากมายไม่ว่าจะเรื่องความยากจน เรียนไม่จบ ทำธุรกิจขาดทุนต้องเปลี่ยนธุรกิจบ่อย ๆ ซึ่งนั่นคือบทเรียนทำให้ออฟได้เรียนรู้ไม่ทำซ้ำแบบเดิม เมื่อประสบความสำเร็จเป็นเจ้าของธุรกิจแล้วรูปแบบของปัญหาและอุปสรรคที่เข้ามาก็เปลี่ยนไปเป็นแบบที่ผู้ใหญ่ต้องเจอ ออฟเคยแอบร้องไห้คนเดียวเพราะยังเป็นวัยรุ่นแต่ต้องรับมือกับปัญหาที่ใหญ่เกินวัย แต่เขาผ่านปัญหาเหล่านั้นมาได้เพราะ
รู้ว่าทุกปัญหามีทางออกของมันเสมอ
“ทุกอย่างอยู่ที่เราครับ ความรู้แค่ 5% อีก 95% คือการลงมือทำจริงจัง อย่าไปกลัวความล้มเหลว ถ้าล้มก็ลุกขึ้นใหม่ แค่นี้เลยครับ ผมคิดว่าถ้าคนเราอยากได้สิ่งใดจริง ๆ เขาจะเสาะแสวงหาวิธีการ ถ้ามัวแต่ยืนอยู่กับที่ก็เหมือนว่าเราเดินถอยหลังเพราะโลกมันหมุนตลอด ถ้าอยากจะไปให้ทันโลกเราต้องวิ่ง” ออฟกล่าวทิ้งท้าย
ตราบใดที่ยังมีลมหายใจแปลว่ายังมีชีวิตอยู่ ไม่มีคำว่าสายเกินไปสำหรับการอยากจะประสบความสำเร็จ เริ่มตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนว่าต้องการอะไรแล้วเลือกเส้นทางที่จะนำไปสู่เป้าหมายนั้น หากพบว่าทางไหนไม่ใช่ก็เปลี่ยนไปทางใหม่ เมื่อล้มแล้วจงลุกขึ้นอย่ายอมแพ้ขอให้เชื่อมั่นว่าความสำเร็จกำลังรออยู่แล้วไม่ไกล
ความลมเหลวเปนสวนหนึ่งของความสําเร็จ
“ถาคุณกําลังลมเหลวนั่นแปลวาคุณเขาใกลความสําเร็จมากขึ้น ในชีวิตของผมไดมีโอกาสทํางาน หลายอยาง เผชิญความลมเหลวหลายครั้งกวาจะประสบความสําเร็จ ผมเชื่อวาไมมีใครที่เกิดมาแลว ทําอะไรก็สําเร็จเลย ถึงมีก็มีนอยมาก เพราะฉะนั้นการไดลิ้มรสชาติของความลมเหลว มันจะทําใหเรายิ่งเขมแข็ง และยิ่งอยากที่จะประสบความสําเร็จใหเร็วขึ้น”
‘ความลมเหลวเปนสวนหนึ่งของความสําเร็จ’ เปนคําพูดที่ผมมักจะพูดเสมอเมื่อใหสัมภาษณกับรายการ ตาง ๆ ออฟพบกับปญหาและอุปสรรคมาแลวมากมายไมวาจะเรื่องความยากจน เรียนไมจบ ทําธุรกิจขาดทุน ตองเปลี่ยนธุรกิจบอย ๆ ซึ่งนั่นคือบทเรียนทําใหออฟไดเรียนรูไมทําซ้ําแบบเดิม เมื่อประสบความสําเร็จเปน เจาของธุรกิจแลวรูปแบบของปญหาและอุปสรรคที่เขามาก็เปลี่ยนไปเปนแบบที่ผูใหญตองเจอ ออฟเคยแอบ รองไหคนเดียวเพราะยังเปนวัยรุนแตตองรับมือกับปญหาที่ใหญเกินวัย แตเขาผานปญหาเหลานั้นมาไดเพราะ รูวาทุกปญหามีทางออกของมันเสมอ
“ทุกอยางอยูที่เราครับ ความรูแค 5% อีก 95% คือการลงมือทําจริงจัง อยาไปกลัวความลมเหลว ถาลมก็ลุกขึ้นใหม แคนี้เลยครับ ผมคิดวาถาคนเราอยากไดสิ่งใดจริง ๆ เขาจะเสาะแสวงหาวิธีการ ถามัวแตยืนอยูกับที่ก็เหมือนวาเราเดินถอยหลังเพราะโลกมันหมุนตลอด ถาอยากจะไปใหทันโลกเราตองวิ่ง” ออฟกลาวทิ้งทาย
ตราบใดที่ยังมีลมหายใจแปลวายังมีชีวิตอยู ไมมีคําวาสายเกินไปสําหรับการอยากจะประสบความสําเร็จ เริ่ม ตั้งเปาหมายใหชัดเจนวาตองการอะไรแลวเลือกเสนทางที่จะนําไปสูเปาหมายนั้น หากพบวาทางไหนไมใชก็ เปลี่ยนไปทางใหม เมื่อลมแลวจงลุกขึ้นอยายอมแพขอใหเชื่อมั่นวาความสําเร็จกําลังรออยูแลวไมไกล